ปลานิลแดดเดียว ‘แม่บาง’ ของอร่อยเมืองราชบุรี
ปลานิลเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีผู้นิยมบริโภค สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร จนสามารถมีกินมีใช้และส่งเสียลูกเรียนจนเป็นเจ้าคนนายคนมาไม่น้อย
โดย...ไชยวัฒน์ สาดแย้ม
ปลานิลเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีผู้นิยมบริโภค สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร จนสามารถมีกินมีใช้และส่งเสียลูกเรียนจนเป็นเจ้าคนนายคนมาไม่น้อย
วีราพร แซ่แต้ เจ้าของผลิตภัณฑ์ปลานิลแดดเดียวทอดกรอบ ที่ใช้ชื่อแบรนด์ “แม่บาง” แห่ง ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี บอกว่าจุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นปลานิลแดดเดียวตัวเล็กๆ ทอดกรอบๆ ไม่อมน้ำมัน ในชื่อแบรนด์ “แม่บาง” ซึ่งเป็นชื่อของมารดา ก็เนื่องจากในพื้นที่ ต.กรับใหญ่ นั้น มีบ่อทรายกว่า 500 ไร่ เกิดจากการทำสัมประทานดูดทราย และในบ่อทรายมีปลานิลตามธรรมชาติตัวเล็กประมาณ 2-3 นิ้ว อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีใครมาจับนำไปเป็นอาหาร เนื่องจากมีขนาดตัวที่เล็กมาก มารดาจึงมีแนวคิดนำมาแปรรูปด้วยการนำมาแร่ แล้วตากแดดก่อนทอดด้วยไฟอ่อนให้กรอบ ก็พบว่าให้รสอร่อยดี จึงเริ่มทดลองทำขาย
ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากพัฒนาชุมชน จ.ราชบุรี จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรบ้านอ้ออีเขียว พร้อมกับนำเข้าจำทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อผลิตปลานิลแดดเดียวทอดกรอบออกจำหน่ายเป็นสินค้าประจำชุมชนเมื่อปี 2547
โดยทางกลุ่มจะรับซื้อปลานิลตัวเล็กมาจากชาวบ้านในชุมชน นำมาแปรรูปด้วยการขอดเกล็ด ตัดส่วนหางครีบหัว พร้อมกับทำการแล่เนื้อให้แผ่ออก ล้างให้สะอาดก่อนปรุงรส หมักให้เครื่องปรุงรส เช่น เกลือ น้ำตาลซึมเข้าเนื้อก่อน เมื่อได้ที่แล้วจึงนำไปตากและอบในตู้พลังงานแสงอาทิตย์ จนแห้งได้ที่แล้วจึงนำมาทอดก่อนนำเข้าเครื่องอบสลัดน้ำมันออกจนหมด จึงนำมาทำการบรรจุเข้าแพ็กเกจจิ้ง ก่อนนำออกจำหน่าย
สำหรับปลานิลแดดเดียวทอดกรอบ “แม่บาง” นั้น ปัจจุบันมีสองรส ประกอบด้วยสูตรดั้งเดิมที่จะมีรสเค็มหวาน และแบบ 3 รส คือเปรี้ยว เค็มหวาน และเผ็ดเล็กน้อย ซึ่งจะมีจุดขายตรงที่ปลานิลแม่บางจะมีขนาดลำตัวเล็กบาง เมื่อนำไปผ่านกระบวนการทอดจึงกรอบตั้งแต่เนื้อไปจนถึงก้างปลาอุดมไปด้วยแคลเซียม ที่สำคัญจะมีความกรอบที่คงอยู่ได้นานและแห้งไม่มีน้ำมันหลงเหลืออยู่ เนื่องมาจากการที่นำไปผ่านกระบวนการสลัดน้ำมัน จึงเป็นจุดเมื่อลูกค้าได้ลองรับประทานแล้วจะติดใจในความกรอบแบบลงตัวแต่ไม่แข็ง
“สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการทอดปลานิลแดดเดียวของทางกลุ่มนั้น จะไม่มีการใช้น้ำมันในการทอดแบบใช้ซ้ำๆ โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ปลาที่ทอดมีกลิ่นเหม็นหืน ส่วนน้ำมันที่เหลือจากการทอดส่งขายให้ผู้ผลิตนำไปทำไบโอดีเซล”
เรื่องของการตลาดนั้น วีราพร บอกว่า ส่วนใหญ่จะนำไปออกร้านขายเองตามงานจำหน่ายสินค้า OTOP ต่างๆ ทั่วประเทศ และที่ไม่เคยพลาดคืองานจำหน่ายสินค้า OTOP ที่เมืองทองธานี นอกจากนี้แล้วก็มีการจัดส่งไปจำหน่ายตามร้านขายของฝากต่างๆ
ส่วนการต่อยอดการตลาดนั้น ได้คิดสูตรใหม่ “ปลานิลแดดเดียวทอดกรอบสมุนไพร” กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงรสชาติและสูตรให้ลงตัวก่อนที่จะนำออกวางตลาด
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่08-5231-8546


