ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กับการออม
โดย...อิสระ วงศ์รุ่ง
โดย...อิสระ วงศ์รุ่ง
เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ผมขออนุญาตกล่าวถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านในเบื้องต้น ซึ่งประกอบไปด้วยหลักการ หลักวิชา และหลักธรรม ดังนี้
1.เป็นปรัชญาการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของทุกคนในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐ
2.เป็นปรัชญาในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง
3.เป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันโลก ทันยุคสมัย เพื่อให้สมดุล และเป็นการเตรียมความพร้อมและรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
4.ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล คำนึงถึงความจำเป็นพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน
5.การมีความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผน
6.มีการเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักธุรกิจ และประชาชน ในทุกระดับ ให้ยึดมั่นในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน มีความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ
ผมขออนุญาตกล่าวถึง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ท่านได้เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “ใต้เบื้องพระยุคลบาท” ว่า เศรษฐกิจพอเพียงกล่าวโดยสรุปคือการหันกลับมายึดเส้นทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ในการดำรงชีวิตโดยใช้หลักการพึ่งตนเอง ซึ่งเป็นมิติที่น่าสนใจ คือ การที่ประชาชนเข้าใจเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อมุ่งให้วิถีชีวิตที่มีการประหยัด อดออม การใช้ชีวิตประจำวันที่มีความเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและบริโภคนิยม ซึ่งจะก่อให้เกิดการเป็นหนี้สิน และอาจก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ การเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อถึงเวลาไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่สำคัญตัวหนึ่งคือเรื่องการออมของประชาชน ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ โดยเราจะเห็นได้ว่าประเทศที่มีเงินออมสูง ไม่มีความจำเป็นต้องไปยืมเงินจากต่างประเทศมาใช้ ย่อมส่งผลต่อฐานะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศโดยรวม โดยวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงมีข้อปฏิบัติที่สำคัญดังนี้
1) มีชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายตามกำลังความสามารถของตนเอง
2) ยึดสายกลาง รู้จักพอดี พอประมาณ และพอใจ
3) มอบความเมตตา ความเอื้ออาทรต่อกัน ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกัน ไม่เบียดเบียนกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน
4) มีความขยันหมั่นเพียรและซื่อสัตย์สุจริต ใฝ่หาความรู้เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์
5) พึ่งพาตนเองได้และพ้นจากความยากจน สามารถดำรงชีวิตไม่เดือดร้อน ไม่ตกเป็นทาสของอบายมุข วัตถุนิยมและบริโภคนิยม
ดังนั้น จึงขอให้เราทุกคนน้อมรับแนวทางตามพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต โดยเฉพาะการออม เพราะการออมเป็นรากฐานที่สำคัญของชีวิต เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข อีกทั้งยังเป็นรากฐานที่สำคัญของสังคม ทำให้สังคมมีความปกติสุข ไม่เบียดเบียนกัน มีความเมตตาเอื้ออาทรต่อกัน ไม่มีการขัดแย้งแตกแยกความสามัคคี รู้จักการช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป


