ยกนิ้วให้ลุงตู่

งานนี้ต้องยกนิ้วให้ลุงตู่ ที่ลงมาจัดการสะสางปัญหานโยบายข้าว หลังจากปล่อยเอาล่อเอาเถิดมาหลายยก

เพราะข้อเสนอแรกของนโยบายข้าว จะทำแบบฝนตกไม่ทั่วฟ้า ดูแลกันแค่ข้าวเปลือกหอมมะลิ ส่วนข้าวเปลือกเจ้ากลายเป็นข้าวรอฝนไปก่อน

ซ้ำร้ายเงินค่าข้าวก็ได้ไม่มากนัก โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ชาวนาที่มียุ้งฉางมาขึ้นทะเบียนฝากเก็บจะเกวียนละ 11,525 บาท แต่ถ้าไม่มียุ้งฉางจะได้เกวียนละ 10,995 บาท

นอกจากนั้น เงินค่าข้าวจะแบ่งจ่ายเป็นหลายส่วน โดยส่วนแรกจะมีการกำหนดราคาตลาดที่เกวียนละ 9,700 บาท และรัฐจะจำนำในอัตราแค่ 90% หรือจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้ชาวนาได้เกวียนละ 8,730 บาท

ที่เหลือจะเป็นเงินแจกสมทบ เป็นค่าเก็บเกี่ยว ค่าปรับปรุงข้าว 1,295 บาท และค่าฝากเก็บข้าวอีก 1,500 บาท เมื่อรวมกับค่าจำนำข้าวแล้ว จะได้เงินเกวียนละหมื่นกว่าๆ

เมื่อออกมาแบบนี้ ก็วงแตก ปวดขมับ  ต้องวิ่งหายาหม่องตราลิงเขย่าไฮโลมาทาถูแก้ลมจับ

นโยบายข้าวอีแบบนี้ ขืนเดินหน้าต่อไปเห็นทีได้ตายหมู่คายุ้งข้าว

ตั้งแต่เช้าวันอังคารที่ผ่านมา ลุงตู่เลยสั่งประชุมทีมงานนัดพิเศษ ถกให้สะเด็ดน้ำก่อนประชุม ครม.

ผลก็คือการรื้อนโยบายข้าวเกือบทั้งกระบวน

นับตั้งแต่การเปิดรับจำนำ จะทำทั้งข้าวหอมมะลิ กับข้าวขาว ไม่ใช่รักพี่หอม ทิ้งน้องขาวเหมือนเก่า 

ถัดมาจะปรับราคาข้าวขึ้นไปอีก โดยชาวนาที่มียุ้งฉางจะได้ค่าข้าวหอมมะลิเกวียนละ 13,000 บาท  แต่ถ้าไม่มีก็จะเหลือ 11,500 บาท

ที่สำคัญก็คือการเติมเงินให้ชาวนาก็ทำไม่ยาก ชนิด one-2-call คาดไม่ถึง

กลเม็ดเด็ดก็คือการปรับอัตรารับจำนำ จากเดิมที่ให้แค่ 90% คิดเป็นเงิน 8,730 บาท ของใหม่เพิ่มให้เป็น 9,500 บาท หรือเท่ากับอัตรา 98% โดยยังคงเป็นการรับจำนำต่ำกว่าราคาตลาดเหมือนเดิม

แค่นี้ราคาข้าวก็ขึ้นมาเกวียนละ 770 บาท ชนิดที่ไม่ต้องควักเงินสักสลึง

ส่วนที่เหลือ รัฐบาลให้ค่ายุ้งฉางเท่าเดิม ที่เพิ่มขึ้นมาจริงๆ ก็คือค่าเก็บเกี่ยวปรับปรุงคุณภาพ โดยให้เป็นเกวียนละ 2,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นมาอีก 705 บาท

แต่การปรับอัตรารับจำนำข้าว กับเพิ่มเงินค่าเก็บเกี่ยวเกวียนละไม่กี่ร้อย ผลที่ตามมามันมากโข

ชาวนาหน้าใส ได้ค่าข้าวเพิ่มเป็นกอบเป็นกำ

อย่างของเก่าได้เกวียนละ 10,995-11,525 บาท แต่ของใหม่ เอาไปเลยตัวเลขกลมๆ 11,500-13,000 บาท

คืนความสุขทั่วหน้า ยิ้มร่ากันทั้งทุ่ง

บวกลบคูณหาร วิธีการใหม่รัฐบาลจะจ่ายเพิ่มแค่ 1,400 ล้านบาท โดยมีความเสี่ยงอยู่ตรงราคาข้าวในอนาคตข้างหน้าเท่านั้น

แต่ถ้าราคาข้าวไม่ตกต่ำลงไปอีก หรือขยับขึ้นมาบ้าง ก็ยิ่งกว่าคุ้ม

จากนี้ไปก็อยู่ที่การปฏิบัติ ลงไปช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้เกิดการปลุกปั่นขึ้นมาอีก

ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่มีบางพวกชอบนักไปแทะกระดูกสันหลัง เอาชาวนาเป็นเหตุสร้างความวุ่นวายอยู่ร่ำไป

ไม่รู้จริงๆ พวกนี้เรียกว่าตัวอะไร