ศิริเรืองอำไพ เครื่องเทศร้อยล้าน
โดย...ปิยนุช ผิวเหลือง
โดย...ปิยนุช ผิวเหลือง
ศิริเรืองอำไพ ธุรกิจเครื่องเทศอบแห้งร้อยล้าน ด้วยวิสัยทัศน์ผู้นำด้านการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป เครื่องปรุง เครื่องเทศ และสมุนไพรอบแห้งในประเทศไทย ที่วางเป้าไปสู่ผู้นำระดับสากลในตลาดต่างประเทศ ภายใต้การดำเนินงานของผู้บริหาร 2 รุ่น
กรัณยพร ศิริอนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิริเรืองอำไพ เปิดเผยว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 โดย อำไพ ศิริอนันต์ (คุณแม่) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท ที่เริ่มต้นจากการนำสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นทางภาคเหนือ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องเทศสมุนไพรอบแห้งในครัวเรือนพร้อมขยายธุรกิจสู่โรงงาน
โดยแรกเริ่มนั้นคุณแม่เคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อตัดสินใจอยากมีธุรกิจของตัวเอง จึงกลับมาสานฝันที่บ้านเกิด คือ จ.เชียงใหม่ และเล็งเห็นว่ามีสมุนไพรท้องถิ่นหลายชนิด จึงตัดสินใจเลือกทำธุรกิจเครื่องเทศอบแห้ง เริ่มจากไม้ต้มเปื่อย ไม้พะโล้ พุ่งเป้าเสนอสินค้าเข้าห้างแม็คโครตั้งแต่ต้น และสามารถทำได้สำเร็จในเวลานั้น ขณะที่ปัจจุบันยังคงวางขายที่แม็คโคร และเพิ่มเติมที่ริมปิงทุกสาขา และร้านค้าทั่วไป อีกทั้งส่งออกจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน และอิสราเอล โดยยอดขายในปี 2558 มีมูลค่า 120 ล้านบาท ซึ่งในปลายปี 2559 นี้ วางเป้าหมายมูลค่าของยอดขายรวมเป็น 160 ล้านบาท
ขณะที่สัดส่วนทางการตลาดในปัจจุบันภายในประเทศ 90% และส่งออก 10% แผนในอนาคตวางเป้าเพิ่มการส่งออกในตลาดต่างประเทศ กับกลุ่มประเทศทางการค้าเดิม สำหรับรูปแบบการผลิตสินค้าของบริษัทมี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.จำหน่ายวัตถุดิบเครื่องเทศเป็นกระสอบ 2.รับผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า และ 3.ผลิตและจัดจำหน่าย ภายใต้แบรนด์สินค้าของตัวเอง 3 แบรนด์หลัก คือ แบรนด์ศิริเรืองอำไพ เป็นสมุนไพรแผง แบรนด์กลิ่นเทศ เป็นสมุนไพรอบแห้งประเภทเดี่ยว และสมุนไพรชุด และแบรนด์ถังทอง เป็นผงสมุนไพร
สำหรับสถานการณ์ด้านการผลิตของโรงงานในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อตลาด ในปีหน้าจึงวางเป้าหมายขยายการผลิต ในส่วนการเพิ่มเครื่องจักร จากการรับซื้อสมุนไพรอบแห้งโดยตรงจากเกษตรกร ที่สามารถรับซื้อได้ในกลุ่มที่จำกัด และนำมาคัดกรองด้านคุณภาพ จะเพิ่มเป็นการรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากเกษตรกรแบบสด โดยวางแผนสร้างกลุ่มเครือข่ายเกษตรกร ประกันราคาสินค้า สร้างการเติบโตควบคู่กับบริษัท
พร้อมกับสร้างโรงงานในการอบเครื่องเทศ และสมุนไพรด้วยตัวเองภายในพื้นที่เดิม คาดใช้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อควบคุมคุณภาพการผลิตง่ายขึ้นไปพร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน ซึ่งในปีนี้ได้เข้าร่วมโครงการ โอปอย ของกระทรวงอุตสาหกรรม ประเภทแผนงานที่ 3 ด้านการปรับปรุงคุณภาพและการพัฒนางาน และแผนงานที่ 5 การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และระบบมาตรฐานสากล ซึ่งสามารถลดต้นทุนทางการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพ จากการเข้าร่วม 2 แผนงานนี้ เพิ่มรายได้รวม 13 ล้านบาท/ปี
กรัณยพร เสริมว่า การเข้ามาบริหารงานร่วมกับผู้บริหารรุ่นแรกตัวเองได้เข้ามารื้อโครงสร้าง และกระตุ้นในด้านการตลาด ซึ่งได้ใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ คนรู้จักแบรนด์สินค้าเพิ่มมากขึ้น
เชื่อว่าการปรับตัวธุรกิจให้เข้ากับยุคสมัยเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าคู่แข่งทางการค้าไม่สูง แต่บริษัทไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ และระบบการบริหาร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน


