เปิดสูตรสำเร็จฟิวเจอร์พาร์ค

โดย...จะเรียม สำรวจ

ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค เปิดให้บริการในย่านรังสิต นอกจากจะสร้างไลฟ์สไตล์ใหม่ให้กับคนในย่านรังสิตและย่านใกล้เคียงแล้ว ยังสร้างความเจริญให้กับย่านรังสิตอีกด้วย เพราะหลังจากศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คเปิดให้บริการเมื่อปี 2538 ก็มีผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ เข้ามาขยายธุรกิจในย่านนี้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ย่านรังสิตที่อยู่โดยรอบศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค กลายเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ และปริมณฑลฝั่งเหนือ

จากความเจริญที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจค้าปลีกหลายรายให้ความสนใจที่จะเข้าไปขยายธุรกิจในย่านรังสิต หนึ่งรายที่ออกมาประกาศตัวชัด คือ อิเกีย ส่วนอีกหนึ่งรายที่ซื้อที่ดินไว้เรียบร้อยแล้วรอการพัฒนา คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล

แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ความสนใจจะเข้ามาขยายธุรกิจในย่านรังสิต แต่ พิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิตพลาซ่า บิ๊กบอสของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ก็ไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิตมีความแข็งแกร่ง เพราะมีแม็กเน็ตสำคัญเปิดให้บริการภายในศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นห้างเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ เทสโก้ โลตัส  อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ บีทูเอส เพาเวอร์บาย เอสบี ดีไซน์สแควร์ ฟิตเนสเฟิรส์ท ออฟฟิศเมท ท็อปส์ มาร์เก็ต และโฮมโปร

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่เข้ามาเช่าที่ดินของบริษัท รังสิตพลาซ่า อีก 2 ราย คือ โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล รังสิต และโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ พิมพ์ผกา มีแผนที่จะพัฒนาที่ดินที่เหลืออีกประมาณ 400 ไร่ เป็นศูนย์กีฬา ที่พักอาศัย ไปจนถึงโรงแรม และอาคารสำนักงาน

พิมพ์ผกา กล่าวว่า ตอนที่เข้ามาทำศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ที่ดินแถวนี้มีแต่ทุ่งนา โทลล์เวย์ก็ยังไม่มา ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากในการทำศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่เราก็ไม่ท้อเดินหน้าพัฒนาทุ่งนาให้เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ตามที่ตั้งใจไว้ และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มี.ค. 2538  ซึ่งในปีแรกที่เปิดให้บริการมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการวันละประมาณ 5 หมื่นคน

หลังจากเปิดศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คมาได้ 1 ปี ก็ได้แม่เหล็กสำคัญอย่างห้างเซ็นทรัลเข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มเติม และตามด้วยผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นๆ ส่งผลให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการนำสินค้าและบริการที่คนในย่านรังสิตและใกล้เคียงต้องการนำมาให้บริการในศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค

“ตอนแรกที่เราทำฟิวเจอร์พาร์ค มีคนบอกว่า บ้านนอก จะสร้างให้ควายมาเดินเหรอ เพราะแถวนี้มีแต่ทุ่งนา สิ่งที่เราได้พบได้ยินดังกล่าว ทำให้เราได้คิดและเป็นแรงผลักดันที่ดีว่า เราต้องทำศูนย์การค้าให้ดีให้ได้ จากความตั้งใจดังกล่าวจะเห็นได้ว่าศูนย์การค้าของเราเป็นศูนย์การค้าที่มีคุณภาพและมีความสวยงาม เพราะหินที่เรานำมาปูพื้นก็เป็นหินแกรนิต จากความใส่ใจดังกล่าวทำให้ศูนย์การค้าของเราดูสูงขึ้น”

พิมพ์ผกา กล่าวต่อว่า พอได้มาทำ สเปลล์ ซึ่งเรามีความตั้งใจที่จะทำเป็นห้างหรู ก็มีเสียงตอบรับกลับมาอีกว่า จะทำได้เหรอ จะมีคนมาเดินไหม และก็เหมือนเดิมบริษัทนำสิ่งที่ได้ยินดังกล่าวมาเป็นแรงผลักดันในการทำธุรกิจ เพราะเป้าหมายคือสร้างเพื่ออนาคต เช่นเดียวกับการทำห้างสเปลล์

“แนวทางการดำเนินธุรกิจของเรา คือ การสร้างมอลล์ในอนาคต ทำให้คนได้สัมผัส ซึ่งในอนาคตเราอาจจะมีการอัพเกรดธุรกิจค้าปลีกของเรามากกว่าสเปลล์ก็ได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่เรายึดมั่นในการทำธุรกิจมาตลอด 20 ปี คือ เวลาทำศูนย์การค้าเราจะไม่ค่อยคิดถึงจุดคุ้มทุน แต่คิดว่าคู่ค้าของเราต้องอยู่ได้”

ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับย่านรังสิต โดยเฉพาะระบบคมนาคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ส่งผลให้ พิมพ์ผกา มีแผนที่จะพัฒนาโครงการฟิวเจอร์พาร์ค ให้เป็น “ฟิวเจอร์ ซิตี้” ด้วยการสร้างเมืองที่มีความครบวงจรไว้ภายในโครงการ

“เรามองไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะสร้างรังสิตให้เป็นเมือง โดยเริ่มจากการพัฒนาศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค หลังจากนั้นก็จะพัฒนาบริการอื่นๆ ตามมา เพราะถ้าเราสร้างโครงการฟิวเจอร์พาร์คให้เป็นเมืองที่ครบวงจรได้แล้ว ใครที่จะเข้ามาแข่งขันกับเราในอนาคตก็จะทำได้ยากขึ้น”

สำหรับแม่เหล็กตัวใหม่ที่ พิมพ์ผกา มีแผนที่จะพัฒนาขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้ คือ ศูนย์กีฬา ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของ 3 ปีนับจากนี้ จะเร่งดำเนินการในส่วนของศูนย์กีฬา และโรงแรมก่อน เนื่องจากเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้ในทันที ส่วนโครงการที่พักอาศัยอาจต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะ เพราะอาจต้องหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาช่วยพัฒนาโครงการ

จากแนวทางการทำธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คกลายเป็นศูนย์การค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยการมีพื้นที่ค้าปลีกมากถึง 5.8 แสน ตร.ม. หรือคิดเป็นที่ดินประมาณ 108 ไร่ไม่นับรวมพื้นที่ของอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ โฮมโปร ห้างเทสโก้ โลตัส และโรงภาพยนตร์เมเจอร์