จี้ภาคธุรกิจปรับตัวสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย
นีลเส็นกระตุ้นธุรกิจ เร่งปรับผลิตภัณฑ์รับสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบในอีก 3 ปีข้างหน้า
นีลเส็นกระตุ้นธุรกิจ เร่งปรับผลิตภัณฑ์รับสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบในอีก 3 ปีข้างหน้า
น.ส.สมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ มีการปรับตัวอย่างมากเพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังมีความตื่นตัวน้อยในการปรับตัวเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต โดยจากข้อมูลพบว่า ในปี 2573 ไทยจะมีสัดส่วนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปถึง 19% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 10% และเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรสูงอายุมากอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียรองจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์
ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าสินค้าที่ผู้สูงอายุจะเลือกซื้อมากขึ้น ได้แก่ นม อาหารสัตว์ ข้าว รังนก โดยรวมๆ แล้วเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อน้อยลง คือ บุหรี่รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มหลักในการตัดสินใจซื้อของเข้าบ้านมีมากขึ้น โดยปี 2553 เคยมีผู้สูงอายุเป็นกลุ่มหลักซื้อของเข้าบ้าน
52% ของผู้สูงอายุทั้งหมด แต่ปี 2558 เพิ่มเป็น 61% ซึ่งเป็นสัดส่วนการเพิ่มที่เร็วมาก และสัดส่วนผู้สูงอายุที่เข้าถึงและค้นหาข้อมูลอินเทอร์เน็ตในปี 2553 มีแค่ 5% แต่ปี 2558 มีถึง 9% เป็นเครื่องสะท้อนว่านักการตลาดจะต้องใส่ใจการสื่อสารเพื่อเข้าถึงคนสูงอายุมากขึ้น โดยครอบคลุมช่องทางออนไลน์ด้วย
น.ส.สมวลี กล่าวว่า นักการตลาดต้องเปลี่ยนวิธีคิดและมุมมอง เพราะผู้สูงอายุมีความต้องการแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากวัยอื่น ส่วนผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเช่นกัน โดยปี 2561 จะเป็นปีแรกที่ไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่าเด็ก ถ้าผู้ประกอบการต้องการทำอะไรรองรับตลาดผู้สูงอายุต้องเริ่มไม่เกินปี 2561 สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือตอบโจทย์สิ่งที่ผู้สูงอายุกังวลทั้งทางกายและใจให้ได้ ก็จะเจาะกลุ่มนี้ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมาจากการเริ่มต้นคิดใหม่ทั้งห่วงโซ่การทำงาน ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ การทำตลาด ช่องทางจำหน่าย และอื่นๆ
“ในต่างประเทศมีการปรับตัวสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว เช่น ญี่ปุ่น จะมีแว่นขยายไว้ตามชั้นวางของให้ผู้สูงอายุใช้ขยายดูฉลากสินค้า มีการปรับให้บันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้าเลื่อนช้ากว่าปกติ มีป้ายบอกทางต่างๆ ในห้างที่ใช้สีที่เด่นชัดมองเห็นและอ่านง่าย มีโปรโมชั่นผลิตภัณฑ์ออกตามวันที่รัฐบาลจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ มีบริการส่งของถึงบ้าน มีการใช้พรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นคนอายุ 40 ปีขึ้นไปมากขึ้น เยอรมนีมีผลิตภัณฑ์การดูแลตัวเองออกมามากขึ้น ออกบรรจุภัณฑ์ยาที่มีสีตามวันระบุวันที่ต้องรับประทานให้ดูชัดเจน มีขวดน้ำ ยา และขนมที่เปิดง่าย มีเครื่องสแกนช่วยอ่านฉลากผลิตภัณฑ์”
ด้านตัวอย่างสิ่งที่ธุรกิจในไทยเริ่มทำแล้ว ได้แก่ กลุ่มประกันมีประกันสำหรับผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์บางประเภทปรับขนาดบรรจุภัณฑ์เล็กลงรองรับการรับประทานคนเดียวในปริมาณน้อยลง กลุ่มร้านอาหารมีเมนูเพื่อสุขภาพ หรือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ธุรกิจในไทยยังขาดมาก ได้แก่ ร้านอาหาร ยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในร้านเพื่อรองรับผู้สูงอายุที่ร่างกายเริ่มไม่สมบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังมีฉลากที่ตัวหนังสือเล็ก ซึ่งไม่สะดวกกับผู้สูงอายุในการอ่านเพื่อตัดสินใจ หากยังปล่อยเช่นนี้ต่อไปผู้ผลิตรายนั้นจะมีเสียโอกาสได้ในอนาคต และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยังขาดเรื่องการเปิดบรรจุภัณฑ์ได้ง่าย และขาดเรื่องบริการถึงบ้านต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกในการถือของหนักหรือต้องการคนช่วยเหลือถึงบ้าน ซึ่งประเด็นนี้เป็นโอกาสมากสำหรับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และอี-คอมเมิร์ซ


