ซีอีโอผวาดิจิทัลดิสรัพชั่น กว่าครึ่งเชื่อธุรกิจยังรอด
โดย...ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ
โดย...ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ
เคพีเอ็มจี (KPMG) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี ภาษี และการให้คำปรึกษาทางธุรกิจได้ทำผลสำรวจ KPMG’s 2016 Global CEO Outlook เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับซีอีโอกว่า 1,268 รายใน 10 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เพื่อสำรวจเกี่ยวกับความคาดหวังของซีอีโอเกี่ยวกับการเติบโตของธุรกิจ
ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ดิจิทัลดิสรัพชั่น (digital disruption) หรือการปรับตัวด้านเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือส่งผลกระทบทางธุรกิจเดิมนั้น ทำให้ซีอีโอส่วนใหญ่กว่า 65% มีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการดำเนินงานในอนาคต แต่ในขณะเดียวกันยังมีซีอีโออีกกว่า 53% มองว่าจะสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้และดิจิทัลดิสรัพชั่นจะไม่สร้างผลกระทบมากนัก
ธาม ไซ ชอย ประธานกลุ่มภูมิภาค เคพีเอ็มจี ประจำเอเชีย แปซิฟิก เปิดเผยว่า การเตรียมพร้อมรับมือและกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นถือว่าเป็นความท้าทายตลอดการทำงานที่ผ่านมาแต่ในอีก 3 ปีข้างหน้าดิจิทัลดิสรัพชั่นเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องเจอ
อย่างไรก็ตาม มีซีอีโอเพียง 30% ที่เตรียมความพร้อมด้านดิจิทัลเชื่อมั่นว่าบริษัทของตนมีความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data & Analytics) และช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าในรูปแบบดิจิทัลยังมีประสิทธิภาพที่ดี
“การเตรียมความพร้อมสำหรับซีอีโอคือ ต้องรู้ว่าใครคือคู่แข่งรายใหม่ ใครคือพันธมิตร รวมทั้งจับตาด้านนวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อธุรกิจ เพื่อให้บริษัทยังคงแข็งแกร่งและเติบโตต่อไปได้” ธาม กล่าว
ทางด้าน วินิจ ศิลามงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมา และ สปป.ลาว กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 23.9 ล้านคน คิดเป็น 37% ของจำนวนประชากรทั้งหมดและการใช้งานอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ยังเป็นบนมือถือกว่า 17.7 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 4.10 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มความสามารถให้แก่ภาคธุรกิจระดับเอสเอ็มอี
“บริษัทที่พร้อมนำดิจิทัลดิสรัพชั่นมาใช้ในองค์กรจะเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและพร้อมรับมือเทรนด์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นถือว่าองค์กรนั้นจะกุมความได้เปรียบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในอุตสาหกรรมของตน” วินิจ กล่าว
การผลักดันเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในนโยบายที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรม ความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งโอกาสในการเติบโตด้านภาพรวมของประเทศ
“การที่ผู้นำขององค์กรมีวิสัยทัศน์ที่จะปรับตัวและเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้านอกจากจะช่วยให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้แล้ว ยังส่งผลถึงลูกค้าให้ได้รับประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย” วินิจ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้งานมากขึ้นนั้น นอกจากจะส่งผลดีในมุมขององค์กรแล้ว ยังเป็นโอกาสในการกระตุ้นลูกค้าที่อาศัยอยู่ในชนบทห่างไกลหรือนอกพื้นที่สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ดิจิทัลแบงก์กิ้งและอี-คอมเมิร์ซ เป็นต้น
การเพิ่มทักษะด้านดิจิทัลให้แก่แรงงานไทยเพิ่มมากขึ้นนั้น นอกจากจะช่วยเพิ่มผลผลิตด้านการผลิตสินค้าและบริการขององค์กรให้ดียิ่งขึ้นแล้ว การผลักดันเรื่องเทคโนโลยียังถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ชนชั้นแรงงานด้านทักษะ และความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้องค์กร สามารถพาธุรกิจให้เดินหน้าไปได้ดี เพราะคนกลุ่มนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น


