ดันอุดรธานีฮับซีแอลเอ็มวี
เอกชนดันท่าอากาศยานอุดรธานี เป็นศูนย์กลางทำการบินไปยังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี
เอกชนดันท่าอากาศยานอุดรธานี เป็นศูนย์กลางทำการบินไปยังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี
นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ภาคเอกชนต้องการผลักดันให้ท่าอากาศยานอุดรธานีเป็นศูนย์กลาง หรือจุดเริ่มต้นทำการบินไปยังกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง
(ซีแอลเอ็มวี) ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรืออนาคตหากมีการเจริญเติบโตก็อาจจะทำการบินไปยังจีนตอนใต้ได้
ทั้งนี้ เบื้องต้นเป็นการบินเชื่อมโยงไปยังจังหวัดและแขวงที่เป็นที่ตั้งแหล่งมรดกโลกก่อน คือ เมืองหลวงพระบาง และจังหวัดกว่างนิงห์ (สนามบินเมืองไฮฟอง) ที่คาดว่าจะสร้างเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อเชื่อมโยงกับโครงการสามเหลี่ยมมรดกโลก ก่อนจะขยายต่อไปยังจุดหมายอื่นๆ เช่น ฮานอย ดานัง ไซ่ง่อน เสียมราฐ พนมเปญ และจีนตอนใต้
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริการควรหาสายการบินโลว์คอสต์มาบินแบบเช่าเหมาลำหรือแบบชาร์เตอร์ไฟลต์ เหมือนกับที่สายการบินของจีนที่บินตรงสู่จังหวัดแหล่งท่องเที่ยวของไทยในขณะนี้ ซึ่งเบื้องต้นจะนำร่องก่อนและอนาคตน่าจะเปิดบินประจำ
“เหตุที่ต้องการผลักดันให้สนามบินอุดรฯ เป็นสนามบินนานาชาตินั้น เนื่องจากภาคอีสานมีนักท่องเที่ยวรูปแบบกรุ๊ปของหน่วยงานราชการเพิ่มมากขึ้น หรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาลงสนามบินสุวรรณภูมิและต่อเครื่องลงสนามบินอุดรธานี เพื่อเดินทางต่อไปยังหลวงพระบาง สปป.ลาว หรือฮานอย ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันมีความล่าช้า ต้องใช้เส้นทางของสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น แถมไม่ได้รับความสะดวก” นายสวาท กล่าว
สำหรับปัจจุบัน ท่าอากาศยานอุดรธานีมีความเจริญเติบโตและมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดและมีผู้ใช้บริการมากกว่า 22 เที่ยวบิน/วัน และมีรายได้เป็นอันดับ 2 รองจากท่าอากาศยานกระบี่ ขณะที่อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ที่จะใช้สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ คาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเดือน พ.ย.นี้ รวมถึงการปรับขยายลานจอดให้กว้างขึ้นจากหลุมจอด 4 ลำ เป็น 11 หลุมจอด โดยใช้งบประมาณ 195 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้บริการสนามบินอุดรธานี ที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต


