พาราไดซ์ พาร์ค จุดพลุ ชิงกำลังซื้อหรูโซนกทม.ตะวันออก

ต้องยอมรับว่าการเปิดตัวของพาราไดซ์ พาร์ค ที่ประกาศตัวเป็นสวนสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งย่านกรุงเทพฯ ตะวันออก ได้ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมในธุรกิจค้าปลีกย่านนี้อย่างมาก

นั่นเพราะเดิมย่านศรีนครินทร์ที่กินขอบเขตบางนา ประเวศ หนองจอก ลาดกระบัง ถูกครอบครองโดยค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างซีคอนสแควร์ชนิดที่เรียกว่าผูกขาด แม้จะมีเซ็นทรัล บางนา ที่ครองพื้นที่บนถนนบางนาตราด กม.3 อยู่ก็ตาม เนื่องจากความใหญ่โตของพื้นที่ซีคอนสแควร์ และความครบวงจรที่ห้างขนาดใหญ่พึงมี

แต่พลันที่ พาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนของกลุ่มเอ็มบีเคและสยามพิวรรธน์ ประกาศซื้อเสรีเซ็นเตอร์ ด้วยมูลค่าถึง 3,200 ล้านบาท พร้อมปรับโฉมครั้งใหญ่ หวังสร้างความเหนือระดับจากเพื่อนบ้านอย่างซีคอนสแควร์ ก็ส่งผลให้ซีคอนสแควร์ทุ่มงบก้อนใหญ่เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ทันที

ขณะเดียวกันเซ็นทรัล บางนา เองก็ประกาศความพร้อมที่จะลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมครั้งใหญ่เช่นกัน หลังจากเปิดมาแล้ว 17 ปี ตั้งแต่ปี 2536 และมีการปรับภาพลักษณ์ใหม่มาแล้วครั้งหนึ่งด้วยงบ 300 ล้านบาท เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา

จรัญ ผู้พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนดีเวลลอปเมนท์ ผู้บริหารธุรกิจค้าปลีกศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจศูนย์การค้าบนทำเลถนนศรีนครินทร์และย่านใกล้เคียงขณะนี้คึกคักมากกว่าหลายปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากการปรับปรุงโฉมใหม่ของศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ ภายใต้ชื่อโครงการใหม่ พาราไดซ์ พาร์ค ที่ทดลองเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปแล้วไม่นาน และล่าสุดเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้ (16 ส.ค.)

ในส่วนของบริษัทเองก็ได้เตรียมความพร้อมด้วยการปรับปรุงโฉมศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ออกมารองรับกำลังซื้อผู้บริโภคในย่านนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมวางตำแหน่งใหม่จับกลุ่มเป้าหมายเป็นระดับซีบวกและบีขึ้นไป

ทั้งนี้ จากการสำรวจของบริษัทพบว่าบริเวณโดยรอบถนนศรีนครินทร์ 5 เขตในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย เขตประเวศ สวนหลวง ลาดกระบัง พระโขนง และบางกะปิ ในรอบ 45 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวของชุมชนเพิ่มขึ้นสูงกว่า 6 หมื่นครอบครัว ซึ่งจากศักยภาพการขยายตัวของชุมชนที่เกิดขึ้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.การขยายตัวของประชากรจากในเมืองสู่ชานเมือง จากการเติบโตของที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในย่านนี้

2.กลุ่มบ้านเดี่ยวระดับบน หรือค่อนข้างสูงเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะโครงการหมู่บ้านราคาหลังละ 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อระดับบนหรือบีบวกเอขึ้นไป ได้เคลื่อนมายังทำเลดังกล่าว และเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพจับจ่ายซื้อสินค้าสูง

ดังนั้น ศูนย์จึงต้องปรับปรุงหรือขยายสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ให้เหมาะสมด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของชุมชนที่มีกำลังซื้อดังกล่าว โดยเริ่มปรับปรุงภายในศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ตั้งแต่ปี 2552 ที่ผ่านมา และล่าสุดปรับโฉมภายนอกเพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยด้วยเช่นกัน ใช้งบรวมทั้งภายในภายนอกกว่า 500 ล้านบาท

พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ปรับปรุงร้านค้าใหม่ด้วย โดยเพิ่มร้านค้า ร้านอาหาร บริการ ฯลฯ รวมกันไม่ต่ำกว่า 50 ร้านค้า ซึ่งเป็นร้านระดับบนขึ้นไป เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศในการจับจ่ายซื้อสินค้าให้กับผู้บริโภค ทางศูนย์ เตรียมเพิ่มงานกิจกรรม (อีเวนต์) เป็น 80 อีเวนต์ตลอดทั้งปี จากปกติอยู่ที่ประมาณ 50 อีเวนต์ เพื่อรองรับการแข่งขันของศูนย์การค้าบนทำเลศรีนครินทร์และใกล้เคียงเช่นบางนา ที่คาดว่าจะทวีความคึกคักยิ่งขึ้น

ส่วนผลประกอบการในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ที่ 1,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ส่วนกำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% คิดเป็น 608 ล้านบาท

เมื่อหันกลับมามองคู่แข่งอย่าง พาราไดซ์ พาร์ค มีเป้าหมายชัดเจนที่จะมุ่งจับกลุ่มลูกค้าระดับบนกลุ่มบีและเอ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงโดยโครงการดังกล่าวมีพื้นที่กว่า 32 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร 5 ชั้น พื้นที่โครงการ 2.9 แสน ตร.ม. จุดขาย วิลล่า มาร์เก็ต เสรี มาร์เก็ตฟู้ด บาซาร์แฟชั่น อเวนิว ลอฟท์ ขนาด 2,000 ตร.ม. มันนี พาร์คเวิลด์ ออฟ เอ็ดดูเทนเมนต์ ทรูฟิตเนส แตกต่างจากเพื่อนบ้านอย่างซีคอนสแควร์อยู่ที่ การดึงร้านค้าพิเศษ (สเปเชียลตี สโตร์) มาเปิดให้บริการกว่า 700 ร้านค้า

เห็นได้ชัดเจนว่าการเตรียมความพร้อมของรายใหม่อย่างพาราไดซ์ พาร์ค และการปรับโฉมใหม่ของรายเดิมอย่างซีคอนสแควร์ รวมถึงการเตรียมปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ของเซ็นทรัล บางนา ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ ช่วงชิงกำลังซื้อย่านชานเมืองอย่างกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะในวันนี้ชานเมืองเป็นทำเลที่มีศักยภาพไม่แพ้กลางเมือง แถมความเสี่ยงยังน้อยกว่าอีกต่างหาก!!!