ที่ดินสปก.50%เปลี่ยนมือมิชอบ
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อเร็วๆ นี้ รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูป เรื่อง รายงานการศึกษาธนาคารที่ดินและร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน พ.ศ. ... ที่เสนอโดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.)
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อเร็วๆ นี้ รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูป เรื่อง รายงานการศึกษาธนาคารที่ดินและร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน พ.ศ. ... ที่เสนอโดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.)
ทั้งนี้ ผลการศึกษาระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาในด้านการถือครองที่ดินหลายด้าน ได้แก่ ปัญหาการกระจุกตัวของการถือครองที่ดิน ซึ่งจากข้อมูลการถือครองที่ดินที่มีเอกสารสิทธิประเภทโฉนดที่ดินของกรมที่ดินพบว่า ปัจจุบันมีผู้ถือครองที่ดินน้อยกว่า 5 ไร่ มีสัดส่วนถึง 72.07% ขณะที่ผู้ถือครองที่ดิน 50 ไร่ขึ้นไปมีสัดส่วนเพียง 1.02%
อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งกลุ่มผู้ถือครองที่ดินออกเป็น 10 กลุ่มตามขนาดการถือครองที่ดิน พบว่าในกลุ่มผู้ถือครองมากที่สุด 10% แรก มีสัดส่วนการถือครองที่ดินมากกว่า 60% ของที่ดินทั้งหมด หรือถือครองเฉลี่ย 100 ไร่/คน ในจำนวนนี้ผู้ถือครองที่ดินใหญ่ที่สุด คือ 6.31 แสนไร่ ในขณะที่ผู้ถือครองที่ดินที่เหลือ 90% มีส่วนแบ่งถือครอง 40% ของพื้นที่ทั้งหมด หรือถือครองเฉลี่ยรายละไม่เกิน 1 ไร่ สะท้อนให้เห็นการกระจุกตัวของการถือครองที่ดินอย่างมาก
ผลศึกษายังพบว่า ปัญหาการไร้ที่ดินทำกินและการเสียที่ดินทำกินของเกษตรกรในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่าพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด 149.24 ล้านไร่ ซึ่งพื้นที่ 77.64 ล้านไร่ หรือ 52% เป็นพื้นที่เช่า โดยภาคกลางเป็นพื้นที่ที่มีการเช่าที่ดินมากที่สุดและมีมากกว่า 10 จังหวัด ที่มีอัตราการเช่ามากกว่า 40% ของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมดในแต่ละจังหวัด
ขณะที่พื้นที่ 71.59 ล้านไร่ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ของเกษตรกรเอง แต่ในจำนวนนี้มีพื้นที่ 29.72 ล้านไร่ ติดภาระจำนอง และอีก 1.15 แสนไร่อยู่ในกระบวนการขายฝาก ซึ่งมีความเสี่ยงว่าที่ดินจะหลุดมือไปเป็นของเจ้าหนี้นอกระบบหรือสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการปล่อยที่ดินรกร้างและการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ เพราะขาดมาตรการทางภาษีด้านที่ดินที่เหมาะสม ขาดกลไกเพื่อทำหน้าที่รักษาที่ดินให้เกษตรกรรายย่อยจนเกิดปัญหาที่ดินหลุดมือไปสู่นายทุนที่กักตุนที่ดินเก็งกำไรโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งข้อมูล ณ ปี 2555 พบมีการทิ้งที่ดินรกร้างกว่า 48 ล้านไร่ และที่ดินประมาณ 70% ไม่ถูกนำมาใช้หรือใช้ไม่คุ้มค่า ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้กว่าปีละ 1.27 แสนล้านบาท และข้อกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการเช่าที่นา ทำให้เกิดนาร้าง 1.19 ล้านไร่
ผลศึกษาระบุว่า จากรายงานของกรมพัฒนาที่ดินพบว่ามีที่ดินประมาณ 30 ล้านไร่ ซึ่งอยู่ในเขตชลประทานและเหมาะสมกับการเพาะปลูกแต่ถูกนำไปใช้ผิดประเภท เช่น นำไปสร้างโรงงานอุตสาหกรรม รีสอร์ท บ้านจัดสรร สถานที่ราชการแล้วประมาณ 5 ล้านไร่ หรือ 1 ใน 6 ของพื้นที่และมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และพบว่ากว่า 50% ของที่ดินจัดสรรโดยสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ถูกครอบครองโดยบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของสิทธิเดิมที่ได้รับหรือไม่ได้เป็นเกษตรกร หรือไม่ใช่คนที่มีชื่อในการถือครอง ส.ป.ก. 4-01
รายงานการศึกษาฉบับนี้ เสนอว่ารัฐบาลควรจัดตั้งธนาคารที่ดินเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการกระจายการ ถือครองที่ดิน โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรและคนยากจนเข้าถึงที่ดินทำกินและอยู่อาศัย รวมทั้งสนับสนุนให้ชุมชนบริการจัดการที่ดินร่วมกัน ทั้งที่ดินทำกินและที่ดินสำหรับการอยู่อาศัยในรูปแบบโฉนดชุมชน โดยเสนอให้จัดสรรที่ดินให้เกษตรกรและคนยากจนไม่น้อยกว่า 1 แสนรายในช่วง 5 ปีแรก และเพิ่มเป็น 3 แสนรายในช่วง 10 ปี
“ในระยะแรกจะต้องมีการออก พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน เน้นการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ที่ดินกำลังจะหลุดจำนอง โดยไจะอาศัยเครือข่ายธนาคารของรัฐและสถาบันการออมชุมชน เป็นผู้ส่งคำขอสินเชื่อเข้ามา ระยะที่ 2 หรือระยะกลาง เป็นการเริ่มบริการจัดการธนาคารที่ดิน และระยะที่ 3 หรือระยะยาว จะเริ่มดำเนินการบริหารที่ดินเอกชนและจัดซื้อที่ดิน” ผลการศึกษาเสนอ


