ขายตรงลุยสกินแคร์ เศรษฐกิจซบไม่สะเทือน
โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย
โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย
การทำธุรกิจขายตรงในปัจจุบันกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้หลักๆ ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สกินแคร์ หรือกระทั่งเครื่องสำอาง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ค่ายขายตรงต้องมีกลุ่มสินค้าประเภทดังกล่าว เพื่อทำให้แบรนด์เข้าถึงผู้ใช้สินค้าและทำให้นักธุรกิจขายตรงขายสินค้าได้ง่ายและรวดเร็ว
ราเมศ วัฒนเสลารัต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วอลลารา ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงวอลลาราเปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทแม่วางให้วอลลาราเป็นศูนย์กลางการสร้างโอกาสและธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากธุรกิจหลักจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศเพียงอย่างเดียว ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนรุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์เสริมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งนำเข้าจากสิงคโปร์ภายใต้แบรนด์วอลลารา ขณะนี้บริษัทแม่กำลังอยู่ระหว่างทดลองผลิตภัณฑ์คาดว่าจะเปิดตัวลงตลาดในไทยในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจในไทยชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง แต่ผลิตภัณฑ์สกินแคร์และอาหารเสริมถือว่าเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบน้อย เพราะสาวไทยใส่ใจสุขภาพและความงาม และมองว่าทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์เป็นการทำตลาดที่เสริมกันระหว่าง คือ การสวยจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและภายนอกด้วยการบำรุงผิวจากผลิตภัณฑ์สกินแคร์ โดยสกินแคร์ของวอลลาราจำหน่ายตั้งแต่ 1,000-2,000 บาท เบื้องต้นนำเข้ามา 1 รายการก่อน” ราเมศ กล่าว
ทั้งนี้ ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าบริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสกินแคร์เพิ่มจาก 50% เป็น 75% ส่วนเครื่องฟอกอากาศจาก 50% เหลือเพียง 25% และจะผลักดันให้
รายได้ของบริษัทปีหน้าแตะ 100 ล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่าการเพิ่มกลุ่มสินค้าสกินแคร์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะช่วยทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์วอลลาราได้มากขึ้น และมีโอกาสที่จะใช้เครื่องฟอกอากาศในอนาคต เพราะเป็นธุรกิจหลักของบริษัท สำหรับรายได้ปีนี้ทั้งปีราว 60 ล้านบาท โดยไม่มีอัตราการเติบโต
ในส่วนแฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงในไทยมาร่วมกว่า 18 ปี มีกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในสัดส่วนถึง 90% ล่าสุดรุกตลาดด้วยการเปิดตัวสกินแคร์เช่นกัน
สุกิจ สัตย์เพริศพราย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงแฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สกินแคร์ใหม่ “เลอาร์” นำเข้าจากเกาหลี เจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยสินค้าตัวใหม่มีด้วยกัน 2 รายการ ได้แก่ โลชั่นทาผิวกายและครีมบำรุงผิวหน้า เป็นสินค้าที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาและผลิตจากโรงงานที่เมืองอินชอน เกาหลี ซึ่งได้การตอบรับที่ดีมากโดยเฉพาะความนิยมในกลุ่มเน็ตไอดอลและบิวตี้บล็อกเกอร์ ทำให้ขณะนี้บริษัทมียอดพรีออร์เดอร์เข้ามาแล้วกว่า 15 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์การขายใหม่ภายใต้โครงการ Young Entrepreneur (YE) โดยอาศัยการขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุปัน การสร้างศูนย์รวมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตและคิดเหมือนกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่ต้องประพฤติปฏิบัติตามกฎกติกาของกลุ่ม และจรรยาบรรณภายใต้กรอบของกฎหมายเป็นที่ตั้ง
สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว บริษัทต้องการขยายฐานสมาชิกรุ่นใหม่คนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น 20-30% จากที่ผ่านมาสมาชิกส่วนใหญ่ของบริษัท เป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 40 ขึ้นไป อีกทั้งบริษัทเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับสมาชิก จัดทำ Happy MPM Application ซึ่งมีจุดเด่นคือ นอกจากจะสามารถสั่งซื้อสินค้า ส่งของโอนเงินให้กับบริษัทได้แล้ว ยังสามารถถ่ายทอดสดผ่านแอพพลิเคชั่นออนไลน์ดูได้ทั่วโลกอีกด้วย
จากการทำตลาดเชิงรุกและการเปิดตัวสินค้ากลุ่มสกินแคร์ ได้เป้าหมายรายได้ของบริษัททั้งปีทะลุ 1,000 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตมากกว่า 100% จากก่อนหน้านี้วางเป้าหมายรายได้ 480 ล้านบาท หรือเติบโต 20% ใกล้เคียงกับปีทีผ่านมา แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสร้างรายได้ 90% กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์ 5% ที่เหลือ 5% กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และกลุ่มผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพ
ปัจจุบันในธุรกิจขายตรงนั้น การเติบโตหลักๆ มาจากการเพิ่มสมาชิกขายตรงใหม่ๆ ให้เข้าสู่ระบบ ทำให้หลายค่ายต้องเพิ่มรางวัลการท่องเที่ยวหรือเงื่อนไขการสร้างรายได้แบบง่ายๆ ในการจูงใจ และขณะเดียวกันการมีสินค้าที่ดี โดยเฉพาะสินค้าที่ขายสุขภาพและความงาม จะช่วยปั๊มยอดขายได้เป็นอย่างดี เพราะสาวไทยไม่หยุดสวยในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้ทุกค่ายต้องมีสินค้าเรือธงในตลาดสกินแคร์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร


