"Salt//Pepper"ร้านอาหารเมนูสุดสร้างสรรค์

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

อุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยรวมทุกกลุ่ม มีมูลค่าประมาณ 2.8-2.9 ล้านบาท มีขนาดใหญ่ และเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงประเทศไทย กำลังเปลี่ยนประเทศจากผู้ผลิตสินค้าแบบเดิม ไปสู่การผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อก้าวสู่ผู้นำในธุรกิจอาหารที่มีนวัตกรรม ตามข้อมูลของภาครัฐที่ได้ระบุไว้ ซึ่งการสร้างสรรค์ไอเดียอาหารแบบใหม่ กำลังเป็นที่ต้องการในตลาด และอีกหนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารไทยที่มีไอเดียคือ ซอลก์//เปปเปอร์ (Salt//Pepper)

“ปราชญ์ อาชวนิจกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท็อปเดอะแทรเวล เปิดเผยว่า ร้านอาหาร ซอลก์//เปปเปอร์ (Salt//Pepper) มีจุดกำเนิดจากเพื่อน 6 คนที่ร่วมสร้างร้านนี้ โดยหนึ่งในผู้ก่อตั้งเป็นเชฟ ที่มีความเชี่ยวชาญการสร้างสรรค์เมนูอาหารอย่างมาก ซึ่งได้เปิดร้านแรกบริเวณทาวน์ อินทาวน์ เป็นร้านอาหารที่ทุกคนรู้จักและชื่นชอบ ก่อนที่จะมาร่วมกลุ่มเปิดร้านอาหาร จำนวน 2 สาขาในปัจจุบัน ได้แก่ สาขาที่ศูนย์การค้าเดอะคริสตัล ราชพฤกษ์ ราชพฤกษ์ และสาขาสอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ชั้น 7

ร้าน Salt//Pepper เป็นร้านอาหารยุโรปสมัยใหม่ ที่มีเอกลักษณ์ของรูปร่างหน้าตาของอาหารสไตล์ยุโรป แต่ให้รสชาติที่จัดจ้าน ทั้งเผ็ด และเปรี้ยว เหมาะกับกลุ่มลูกค้าคนไทย ซึ่งในระยะแรกลูกค้า จะรู้จักแบรนด์จากสาขาแรก ที่เกิดการบอกต่อกันอย่างรวดเร็ว ในรสชาติอาหารของอาหาร ทำให้ร้านมีความั่นใจในการเปิดสาขาสองที่เซ็นทรัลเวิลด์

ร้านได้เน้นการสร้างเมนูแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร ทั้งเบเกอร์ 3 สี สปาเก็ตตี้เบคอนไข่ออนเซ็น มันฝรั่งทอด 8 ชนิด ขาหมูแฮมรมควันทอด Ham Knuckle และซี่โครงหมูบาร์บีคิวยักษ์ เป็นต้น โดยแต่ละเมนูจะมีสร้างสรรค์ รวมถึงเมนูขนมและเครื่องดื่ม ที่มีการคิดค้นรสชาติใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันมีเมนูอาหารในร้านประมาณ 60-70 เมนู อีกทั้งทำธุรกิจร้านอาหาร ที่นำเสนอภาพของเมนูผ่านทั้งโชเชียลมีเดีย และเฟสบุ๊คของร้าน ก็ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและเข้ามารับประทานอาหารในร้านได้เพิ่มขึ้น

สำหรับการลงทุนร่วมธุรกิจร้านอาหารของกลุ่มทั้งหมด 6 คน ต่างแบ่งหน้าที่ในการบริหารร้าน โดยตนเองจะทำหน้าที่ดูแลด้านการบริหารพนักงาน เพราะได้ไปเรียนด้านบริการที่ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ จากก่อนหน้านี้เรียนจบมาทางวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ด้านวิศวกรรม ที่ประเทศอังกฤษ จึงสามารถนำมาปรับใช้ในการบริหารร้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งพนักงานในร้านอาหารถือว่าเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก

การเปิดร้านอาหารที่ผ่านมา มีผลประกอบการเติบโตในระดับน่าพอใจ จึงมีแนวโน้มที่จะมีการเปิดสาขาใหม่แห่งที่ 3 ในช่วงปลายปี 2559 คาดว่าจะเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลและกลุ่มลูกค้าที่จะขยายต่อไป

“ปราชญ์” กล่าวต่อว่า นอกจากธุรกิจร้านอาหารที่ได้ทำร่วมกับเพื่อนแล้ว ตนเองยังมีธุรกิจ สปา ได้ทำเปิดร่วมกับเพื่อนในชื่อร้าน “The massage house” เพราะมีความชื่นชอบในธุรกิจด้านการบริการ อีกทั้งธุรกิจสปา การบริหารพนักงานในร้านมีความสำคัญในระดับสูง จึงมีทีมงานทำหน้าที่วางแผนกลยุทธ์ร้าน การดูแลพนักงาน และการทำตลาด ซึ่งธุรกิจสปามีแผนจะเปิดเป็นแบบสปาแบบบุฟเฟ่ห์ในอนาคต ที่ยังไม่มีมาก่อนในไทย อีกทั้งมีธุรกิจใหม่ที่กำลังทำคือ ธุรกิจบริการรถลิมูซีน ให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการท่องเที่ยวในไทย

“การทำธุรกิจที่ผ่านมา ตนเองจะใช้เงินลงทุนส่วนตัวมาลงทุน และเมื่อธุรกิจมีการเติบโตจึงจะขยายการลงทุนใหม่ต่อเนื่อง อีกทั้งมีความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจบริการและธุรกิจร้านอาหารในไทยมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้ดีในระยะยาว เพราะประเทศไทยเป็นตลาดท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งการทำธุรกิจบริการ ต้องให้ความสำคัญทั้งด้านการบริหารร้าน และการดูแลพนักงาน ให้ดีที่สุด รวมถึงการดูแลต้นทุนต่างๆ” ปราชญ์ กล่าว

“ปราชญ์” กล่าวทิ้งท้ายว่า ภาพรวมธุรกิจด้านบริการและร้านอาหารมีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง โดยในระยะยาวจะบริหารแต่ละธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมกับสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้แก่ลูกค้าคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น