ลุยขายฮาร์เบอร์

ฮาริสันปัดข่าวทีเอฟดีขายอาคารสร้างค้างย่านคลองเตยให้ไต้หวัน เดินหน้าปรับโฉมพร้อมเปิดตัวใน 2 เดือน

จากกระแสข่าวที่บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม หรือทีเอฟดี จะขายโครงการฮาร์เบอร์ เรสซิเดนซ์ บริเวณถนน ณ ระนอง ย่านคลองเตย ให้กับกลุ่มทุนไต้หวัน หลังจากที่ทีเอฟดีซื้ออาคารดังกล่าว ซึ่งเคยเป็นอาคารสร้างค้างมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 มาจากบริษัท สุขุมวิท อินเตอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในปี 2558 และมีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม

นายหลินกว่าง จุงอลัน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน ซึ่งเป็นตัวแทนขายโครงการฮาร์เบอร์ เรสซิเดนซ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่รับทราบว่าจะมีการขายโครงการฮาร์เบอร์ เรสซิเดนซ์ ตามที่มีกระแสข่าวลือหรือไม่ แต่ปัจจุบันฮาริสันยังคงเป็นตัวแทนในการขายโครงการดังกล่าวอยู่และคาดว่าจะพร้อมเปิดตัวภายใน 2 เดือนนี้

ทั้งนี้ โครงการฮาร์เบอร์ เรสซิเดนซ์ อยู่ระหว่างออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งจะปรับโฉมใหม่ มีใบอนุญาตก่อสร้างเรียบร้อย สะท้อนให้เห็นว่าโครงสร้างของตัวอาคารผ่านการตรวจสอบจากกรุงเทพมหานครแล้ว โดยเป็นอาคารความสูง 25 ชั้น เบื้องต้นทุนจะมีห้องชุด 350-400 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 2 ล้านปลายๆ เกือบ 3 ล้านบาท

ด้านแผนรับบริหารงานขายโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทในปีนี้ จะมีโครงการใหม่เข้ามา 12 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท หลายโครงการยังคงวางแผนเปิดตัวตามแผนเดิม โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% จากการที่เปิดรับบริหารโครงการใหม่ค่อนข้างมาก เนื่องจากโครงการเดิมที่มีอยู่ 3-4 โครงการเหลือขายเพียง 20-30%

สำหรับโครงการที่ฮาริสันรับบริหารทยอยจะเปิดตัวใหม่ เช่น โครงการเดอะ ริช นานา อาคารสูง 32 ชั้น 377 ยูนิต ราคาขายกว่า 2 แสนบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) มูลค่าโครงการ 3,300 ล้านบาท และเดอะ ริช ปาร์ค แอด ทริปเปิ้ล สเตชั่น ศรีนครินทร์ เฟสแรกเป็นตึก 37 ชั้น 1,084 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาทของกลุ่มริชชี่ เพลส 2002 โครงการโกรว์ เอ็มอาร์ที สายไหม ของผู้ประกอบการรายใหม่ ห้องชุด 400 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ราคาประมาณ 7-8 หมื่นบาท/ตร.ม. คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาส 3 ปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการไซมิส เอกมัย ห้องชุด 300 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ราคาประมาณ 1.6 แสนบาท/ตร.ม. ของกลุ่มไซมิส แอสเสท โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ของผู้ประกอบการรายย่อยบนทำเลสุขุมวิท 36 ประมาณ 100 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ราคาประมาณ 1.3 แสนบาท/ตร.ม. คาดว่าจะเปิดไตรมาส 3 และยังมีโครงการทาวน์เฮาส์กลางเมืองโคเต้ เมซองพระราม 3 ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท

นายหลินกว่าง กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ผ่านมาชะลอเล็กน้อย แต่ความต้องการของลูกค้าชาวเอเชียมีมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งดูทำเลหลากหลาย เช่น ย่านรัชดาฯ-พระราม 9 ย่านพระราม 3 ราคา 3-5 ล้านบาท และตลาดญี่ปุ่นจะนิยมโซนสุขุมวิทและห้องชุดขนาดใหญ่ ราคา 5-10 ล้านบาท