posttoday

ผลไม้กระป๋อง ปรับตามผลผลิต

08 พฤษภาคม 2559

สถานการณ์ผลไม้ไทยที่มีแนวโน้มว่าจะขาดแคลน ทั้งในกลุ่มเงาะ ลำไย ลิ้นจี่ จากการที่ผู้ประกอบการจีนเข้ามากว้านซื้อ

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

สถานการณ์ผลไม้ไทยที่มีแนวโน้มว่าจะขาดแคลน ทั้งในกลุ่มเงาะ ลำไย ลิ้นจี่ จากการที่ผู้ประกอบการจีนเข้ามากว้านซื้อผลไม้เพื่อนำไปผลิตสินค้าจำหน่าย สร้างผลกระทบต่อผู้ผลิตผลไม้กระป๋องไทยมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตรายย่อยที่ไม่มีคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง

รุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่สายการขายและการตลาด บริษัท มาลีสามพราน ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลไม้กระป๋องตรามาลี เปิดเผยว่า จากการที่เอสเอ็มอีหรือผู้ดำเนินธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศจีนเข้ามากว้านซื้อผลไม้ในไทย ประกอบกับปีนี้เกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ ยิ่งทำให้ผลไม้ที่มีปริมาณน้อยอยู่แล้วยิ่งขาดตลาด สวนทางกับความต้องการผลไม้ที่มีเพิ่มมากกว่าปกติ จึงมีแนวโน้มว่าผลไม้จะมีราคาสูงขึ้นและขาดแคลน โดยคาดว่ากลุ่มผลไม้ที่ขาดแคลนจะเป็นกลุ่มเงาะ ลิ้นจี่ ทุเรียน และลำไย

ทั้งนี้ ปัจจัยที่เกิดขึ้นข้างต้นจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่ผลิตผลไม้กระป๋อง ซึ่งแนวทางการบริหารจัดการของบริษัทนั้น จะเน้นการผลิตผลไม้กระป๋องตามซัพพลายของตลาดหรือตามปริมาณผลไม้ คือเมื่อผลไม้ปีนั้นมีน้อยการผลิตก็มีน้อยตามเป็นมาตรการในเบื้องต้น

ขณะที่ตามปกติแล้วการซื้อผลไม้ของบริษัทรวมทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ จะรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรอยู่เป็นประจำอยู่แล้วในลักษณะคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง มีการตกลงทั้งทางด้านราคารวมทั้งปริมาณและเป็นการซื้อล่วงหน้า ทำให้บริษัทไม่ค่อยกังวลมากนักทั้งทางด้านวัตถุดิบและราคา

“ในส่วนของกลุ่มน้ำผลไม้ กรณีที่จีนมากว้านซื้อผลไม้ค่อนข้างกระทบต่อตลาดน้อย เพราะผลไม้ส่วนใหญ่ที่ใช้สำหรับการผลิตน้ำผลไม้ เป็นสับปะรด มะเขือเทศ และบางส่วนนำเข้าน้ำผลไม้เข้มข้นมาจากต่างประเทศ เพราะไทยไม่สามารถผลิตเองได้ อาทิ น้ำเบอร์รี่ องุ่น และแอปเปิ้ล”

นอกจากนี้ นโยบายของบริษัทยังมีการปรับโครงสร้างการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจผลไม้กระป๋องเติบโตช้า และควบคุมผลผลิตจากวัตถุดิบหลักซึ่งมาจากผลไม้เป็นไปได้ยาก ไม่มีความแน่นอนในการผลิต ทำให้ปัจจุบันผลไม้กระป๋องไม่ใช่ธุรกิจหลักสร้างรายได้ มีสัดส่วนเหลือเพียง 10% โดยมีรายได้หลักมาจากน้ำผลไม้ในสัดส่วน 90%

รุ่งฉัตร กล่าวว่า เบื้องต้นได้เช็กราคาผลไม้ในขณะนี้ ราคาสินค้ายังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น และคาดว่าสถานการณ์การขาดแคลนผลไม้จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ เท่านั้น ส่วนกรณีมะพร้าวไทยขาดตลาดเกิดจากความต้องการของน้ำมะพร้าวทั่วโลก เพราะเป็นน้ำผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยคนทั่วโลกนิยมดื่มน้ำมะพร้าว ผู้ประกอบการไทยจึงผลิตน้ำมะพร้าวส่งออกไปจำหน่ายทั้งในยุโรปและสหรัฐในปริมาณมาก รวมถึงบริษัทเองที่นอกจากจะผลิตน้ำมะพร้าวแล้วยังนำเนื้อมะพร้าวมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการเปิดตัวมะพร้าวอ่อนสูตรผสมวุ้นมะพร้าวและแปะก๊วยในน้ำเชื่อม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัทมีความกังวล คือ อุณหภูมิของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอด ทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนจะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกไม่เป็นไปตามฤดูกาล และจะส่งผลให้การบริหารจัดการมีความยากลำบากมากขึ้น  ทั้งการผลิต การสต๊อกผลไม้เพื่อผลิตให้เพียงพอกับการจำหน่ายทั้งปี

ปัจจุบันตลาดผลไม้กระป๋องมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากนัก เพราะเมืองไทยมีผลไม้ตามฤดูกาลตลอดทั้งปี  พฤติกรรมคนไทยจึงกินผลไม้สดมากกว่าเป็นผลไม้กระป๋อง ทำให้ผู้ประกอบการเน้นทำตลาดส่งออกมากกว่า 60% ขณะที่มาลีให้ความสำคัญกับการทำตลาดภายในประเทศ 80% และ 20% ส่งออก

ด้าน เอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟู้ดส์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ กล่าวว่า ผู้ประกอบการผลิตผลไม้กระป๋องรายใหญ่ของไทย ส่วนใหญ่จะทำคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง ทั้งในด้านราคาและปริมาณ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ประกอบการจากจีนมากว้านซื้อผลไม้ไทยเป็นจำนวนมาก แต่เชื่อว่ากลุ่มเอสเอ็มอีของไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่า ซึ่งคาดว่ารายเล็กจะเลิกผลิตสินค้าจำหน่ายในระยะหนึ่ง หรือกระทั่งผลิตผลไม้กระป๋องชนิดอื่นๆ แทน หากต้นทุนปรับราคาเพิ่มขึ้น หรือผลไม้ขาดแคลนจากตลาด

สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าการที่จีนมากว้านซื้อสินค้าจากไทย คือภัยแล้ง เพราะจะทำให้ปริมาณผลไม้ที่ออกสู่ตลาดน้อยลง ดังนั้นในปีหน้าบริษัทต้องวางแผนการบริหารจัดการให้ดี เพื่อรองรับกับราคาสินค้าและปริมาณสินค้ากับคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง ซึ่งผลไม้กระป๋องที่บริษัทผลิต เป็นสับปะรดหอมสุวรรณ มาจากสวนของบริษัทเอง นอกจากนี้ยังผลิตว่านฟรุตสลัดกระป๋อง ส่งออกในสัดส่วน 70-80% และจำหน่ายภายในประเทศในสัดส่วน 20-30%

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต