อิสราเอลกับภัยแล้ง
นับตั้งแต่ปี 2558 มาถึงปัจจุบัน ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ทั้งปริมาณฝนสะสมต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาก ทั้งปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมีน้อยกว่า 20% ของความจุ ทำให้กรมชลประทานไม่สามารถส่งน้ำให้เพียงพอต่อการเพาะปลูก โดยเฉพาะการทำนา สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในภาคการเกษตรอย่างหนัก ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ “เอลนินโญ” ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี
นับตั้งแต่ปี 2558 มาถึงปัจจุบัน ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ทั้งปริมาณฝนสะสมต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาก ทั้งปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมีน้อยกว่า 20% ของความจุ ทำให้กรมชลประทานไม่สามารถส่งน้ำให้เพียงพอต่อการเพาะปลูก โดยเฉพาะการทำนา สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในภาคการเกษตรอย่างหนัก ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ “เอลนินโญ” ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี
แม้ว่ารัฐจะให้เกษตรกรงดการทำนาปรัง และหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย พืชอายุสั้นแทน รวมทั้งออกหลายมาตรการช่วยเหลือ แต่ภัยแล้งครั้งนี้น่าจะเตือนให้เราได้คิดได้ว่า นับจากนี้ประเทศไทยที่เราเคยเชื่อว่าเป็นประเทศอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว จะคงอยู่กับเราเช่นนี้ตลอดไป คงไม่จริง เพราะตอนนี้เมื่อไม่มีทั้งน้ำ ก็จะไม่มีทั้งปลา ทั้งนา ทั้งข้าว และวันหนึ่งข้างหน้าภัยแล้งอาจจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยอย่างถาวรก็เป็นได้
ภัยแล้งมาเพียงปีสองปีกลับสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมาก แต่เมื่อนึกถึงประเทศอิสราเอล หากจะเทียบกันคงเป็นประเทศที่ต้องประสบกับภัยแล้งชั่วนาตาปี เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นทะเลทราย ไม่มีน้ำ ไม่มีฝน แต่ปัจจุบันอิสราเอลกลับมีความมั่นคงทางด้านอาหาร พึ่งพาตัวเองทางการเกษตรได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมยังมีเหลือส่งออก
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอิสราเอลเปลี่ยนพื้นที่จากที่เคยทำการเกษตรได้เพียง 1 ล้านไร่ มาเป็นเกือบ 3 ล้านไร่ สร้างผลิตผลทางการเกษตรมากขึ้นกว่าเดิม 16 เท่า แม้ว่าทั้งประเทศจะมีปริมาณฝนน้อยมาก ความมหัศจรรย์ของการเกษตรอิสราเอลเกิดจากมันสมอง และความรู้ทางเทคโนโลยีการเกษตร คนอิสราเอลไม่รอพึ่งธรรมชาติ เพราะพื้นที่ของประเทศไม่มีความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกตามธรรมชาติเลย
ความสำเร็จของอิสราเอลเป็นต้นแบบของนวัตกรรมการเกษตรทั่วโลก เช่น 1.ระบบชลประทานน้ำหยด ที่คิดค้นได้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกแม้มีน้ำน้อย 2.การเลี้ยงแมลงไปปราบแมลง ทดแทนการใช้ยาฆ่าแมลงที่มีสารตกค้าง 3.ระบบการจัดการการเกษตรตามชนิดของพืชและผลไม้ 4.ระบบฟาร์มอัจฉริยะครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจและพัฒนาพันธุ์พืชตามสภาพดิน ภูมิประเทศ และภูมิอากาศ การใช้แผงโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อให้พลังงานในการจัดการให้น้ำ การวิเคราะห์ความต้องการใช้น้ำของพืช เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้น้ำ ให้ปุ๋ย ควบคุมโดยใช้คอมพิวเตอร์ ดาวเทียม และอินเทอร์เน็ต
แน่นอนจะทำอย่างอิสราเอลคงต้องใช้งบลงทุนไม่น้อยในการเพาะปลูก แต่ลองนึกดู อิสราเอลปลูกสตรอเบอร์รี่ลูกเท่ากำปั้น ผิวสวยหมดจด ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย จะขายได้ลูกละเท่าไหร่ คงขายได้ราคาสูงลิบ ต้องมีคนจอง และคุ้มค่ากับเงินลงทุนที่สร้างความมหัศจรรย์นี้ได้
อิสราเอลยังสนับสนุนให้เกิดบริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็ก ที่เน้นวิจัยและนวัตกรรมการเกษตรไฮเทค อิสราเอลปัจจุบันนอกจากส่งออกผลผลิตชั้นยอดทางการเกษตร ยังส่งออกเทคโนโลยีและวิธีบริหารการเกษตรที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย ดังนั้นมนุษย์ย่อมมีทางสู้กับภัยแล้ง และทางสู้ทางเดียวคือ “สู้ด้วยความรู้ สู้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ฝนไม่มา น้ำมีน้อย ก็ใช่ว่าจะเพาะปลูกไม่ได้
ประเทศไทยอาจมาถึงจุดที่ต้องจริงจังกับเรื่องเทคโนโลยีการเกษตรดังเช่นอิสราเอล อย่าปล่อยให้สายไป จนเกษตรกรปรับตัวไม่ทัน เชื่อว่าตำแหน่งครัวคุณภาพของโลกคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม


