Triple 3 เจาะแฟชั่นสาวหล่อ
ตลาดประตูน้ำ ย่านการค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกายทั้งแบบค้าส่ง/ค้าปลีก หลากหลายสไตล์ ที่ยังรวมถึงกลุ่มลูกค้าเพศทางเลือก
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
ตลาดประตูน้ำ ย่านการค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกายทั้งแบบค้าส่ง/ค้าปลีก หลากหลายสไตล์ ที่ยังรวมถึงกลุ่มลูกค้าเพศทางเลือก ที่มีกำลังซื้อจับจ่ายไม่แพ้ลูกค้ากลุ่มอื่น ทำให้ร้านทริปเปิลทรี (Triple 3) ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าแพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ชั้น 2 มองเห็นโอกาสตลาดแฟชั่นสำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ
ศีรณา รัตนเจริญชัย เจ้าของธุรกิจและดีไซเนอร์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายร้าน “ทริปเปิลทรี” เล่าที่มาธุรกิจ ซึ่งต่อยอดจากการเป็นผู้ผลิตด้วยมีโรงงาน
ผ้าผืนซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว และเห็นว่าควรนำวัตถุดิบที่มีอยู่สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าด้วยการแปลงเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป พร้อมติดแบรนด์เพื่อทำตลาดอย่างค้าส่งเป็นหลัก และเห็นว่าย่านการค้าในตลาดประตูน้ำ น่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ดังกล่าวได้
สำหรับในช่วงแรกของการทำตลาดเสื้อผ้าทริปเปิลทรีนั้น วางตำแหน่งเป็นร้านสำหรับแฟชั่นเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชายก่อน ด้วยในช่วงแรกๆ ราว 4-5 ปีก่อนหน้านี้ยังมีคนทำร้านเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายน้อยอยู่ และได้การตอบรับดีจากกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าทั้งกลุ่มค้าส่งและค้าปลีกที่เข้ามาเลือกดูและสั่งของที่ร้าน โดยปัจจุบันจะมีกลุ่มสินค้ารายการต่างๆ อาทิ เสื้อ กางเกง โบ ไท เข็มขัด เสื้อสูท เป็นต้น
“จุดเด่นสินค้าของทางร้าน คือ การออกแบบ ดีไซน์ เสื้อผ้า กางเกง รวมไปถึงการดิสเพลย์ของตกแต่งชุดที่ใส่หุ่นโชว์หน้าร้าน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเห็นแล้วจะรู้เลยว่า เป็นเสื้อผ้าที่มีลูกเล่น มีความสนุก อย่างที่ร้านจะมีลูกค้าผู้ชาย หรือเพศทางเลือก ทั้งเกย์ หรือ สาวหล่อ เป็นหลัก รวมถึงลูกค้าต่างชาติ ที่ชื่นชอบเสื้อผ้าสไตล์นี้” ศีรณา เล่า
ทั้งนี้ ทางร้านยังใช้กลยุทธ์ดีไซน์สินค้าทั้งกลุ่มเสื้อ กางเกง ที่จะออกมาใหม่เพื่อทำตลาดทุกสัปดาห์ โดยใช้จุดเด่นจากที่กล่าวข้างต้น คือ ด้านการเป็นผู้ผลิตที่สามารถเลือกใช้วัตถุดิบผ้าที่ออกมาใหม่จากโรงงานได้โดยตรงก่อนใคร ซึ่งช่วยทำให้สินค้าของทางร้านทริปเปิลทรี มักมีรูปแบบการดีไซน์ล้ำหน้ากว่าเสื้อผ้าแฟชั่นรายอื่นๆ ในตลาดแหล่งเดียวกัน
ขณะที่การทำตลาดในช่วงนี้ ทางร้านจะเน้นค้าปลีกเป็นหลักราว 70% มีราคาสินค้ากลุ่มนี้เฉลี่ยอยู่ที่ราว 250-280 บาท/ชิ้น และหากเป็นกลุ่มค้าส่งจะมีสัดส่วน 30% วางราคาอยู่ที่ประมาณ 190 บาท/ชิ้น ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มหลังเริ่มมีจำนวนน้อยลง ซึ่งน่าจะมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป แม้ว่าจะเริ่มมีลูกค้าต่างชาติเข้ามาบ้าง แต่ก็มีคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) ลดลงตามไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากเป็นช่วงที่มีการจัดกิจกรรมสังสรรค์ หรือเลี้ยงอำลาในกลุ่มระดับอุดมศึกษา อย่างงานบายเนียร์ ก็จะพบว่า สินค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกายประเภทต่างๆ ภายในร้าน จะมียอดขายเติบโตดี ทั้งเสื้อเชิ้ต สูท กางเกง งานแต่งเสื้อที่มีระบาย ฯลฯ
ขณะเดียวกัน เธอยังได้ขยายธุรกิจเพิ่ม โดยผลิตและทำตลาดรองเท้าหนัง ภายใต้แบรนด์พารา (Para) ออกมาด้วย เพื่อเสริมความครบวงจรของธุรกิจแฟชั่นตามความต้องการของลูกค้า โดยรองเท้าจะมีราคาอยู่ที่ราว 2,850 บาท/คู่
ปัจจุบันโรงงานจะมีกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า กางเกง ราว 1,000 ชิ้น/สัปดาห์ และ รองเท้าอยู่ที่ประมาณ 100 คู่/สัปดาห์
พร้อมมองว่าในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ อาจทำให้เจ้าของธุรกิจแฟชั่นทั่วไปอยู่ยากขึ้น แต่ทางร้านจะได้เปรียบกว่า ตรงที่มีโรงงานผลิตผ้าเป็นของตัวเองที่สามารถทำให้ควบคุมต้นทุนการผลิต และบริหารจัดการสินค้าได้ดีกว่า
โดยเฉพาะในปีนี้ที่ยังมีหลายปัจจัยลบกระทบกำลังซื้อผู้บริโภคอยู่บ้าง ทำให้ทางร้านต้องหันไปบริหารจัดการสินค้าในสต๊อกให้ดี เพื่อให้สอดคล้องกับยอดขายหน้าร้าน ด้วยไม่สามารถหยุดผลิตสินค้าได้ เพื่อให้ช่างฝีมือ หรือแรงงานยังได้มีงานทำต่อและมีรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อเนื่อง เพื่อรอทิศทางเศรษฐกิจที่จะกลับฟื้นคืนมา
ด้วยเห็นว่าการทำธุรกิจนี้ในภาวะแบบนี้ จะต้องมีสายป่านที่ยาวเพียงพอ


