posttoday

เที่ยวไทยฉลุยกว่าที่คิด

03 เมษายน 2559

เมื่อภาคบริการท่องเที่ยวกลายเป็นตัวจักรเดียวที่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากส่งออกยังซึม

เมื่อภาคบริการท่องเที่ยวกลายเป็นตัวจักรเดียวที่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากส่งออกยังซึม การใช้จ่ายภาครัฐยังไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว ทั้งจากต่างประเทศมาไทยและคนไทยเที่ยวไทย จึงออกมาคึกคัก

เช่น การขยายนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวไปหักภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท ไปอีก 1 ปี นำค่าใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ (วันที่ 9-17 เม.ย.นี้ คือ 1.ค่าอาหาร และเครื่องดื่ม แต่ไม่รวมสุรา เบียร์ ไวน์ 2.ค่าบริการที่จ่ายให้ธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ หรือ 3.ค่าที่พักโรงแรม) ไปหักลดหย่อนได้ 1.5 หมื่นบาท หรือการแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ผ่านซองสินค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้อีกมากมาย

ด้วยปัจจัยเร่งเร้าต่างๆ ประชาชนทั่วไปควรเที่ยวไทยอย่างไรถึงจะคุ้ม

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล่าถึงแผนช่วงครึ่งปีหลังว่า เดือน พ.ค.นี้ ททท.เตรียมเปิดตัวโครงการรวมใจเที่ยวไทย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ภายใต้การสร้างกระแสท่องเที่ยวในแต่ละเดือนให้สอดคล้องในแต่ละเทศกาล เริ่มจากเดือน พ.ค. ภายใต้ธีม เที่ยวกันก่อนเปิดเทอม เจาะกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น เดือน มิ.ย. เที่ยวชวนชิมอาหารถิ่นทั่วไทย เน้นนำเสนออาหารดีประจำท้องถิ่น เดือน ก.ค. เที่ยวตามรอยบุญ นำเสนอเทศกาลเข้าพรรษา เดือน ส.ค. สิงหาพาแม่เที่ยว เดือนของผู้หญิง (Lady Month) ให้สิทธิพิเศษกับนักท่องเที่ยวกลุ่มสตรี และเดือน ก.ย. เที่ยวไทยก่อนเกษียณ โดยแต่ละเดือนได้เพิ่มกิมมิกหรือลูกเล่นกิจกรรมหลากหลายเพิ่ม เพื่อเจาะนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มให้วางแผนเดินทางเที่ยวในประเทศ

ขณะที่แต่ละเดือนจะจัดกิจกรรมเพิ่มเติมขึ้นมา เช่น วันที่ 1 มิ.ย. โครงการไทยแลนด์ เซลฟี่ เดย์ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเซลฟี่ในการเดินทางวันนั้นเพียงวันเดียว ร่วมชิงโชคแพ็กเกจท่องเที่ยว สินค้าและบริการ รูปแบบ เดอะ เบส ออฟ ไทยแลนด์ โดยการเลือกสินค้าหรือบริการที่ได้รับยกย่องว่าดีในโลกที่อยู่ในไทย เช่น สปา โรงแรมดาราเทวี จ.เชียงใหม่ ห้องพักราคาแพง

รวมถึงนักท่องเที่ยวคนไทยสามารถถ่ายรูปพร้อมใบเสร็จโรงแรมที่พักที่ถูกต้องตามกฎหมาย ร่วมลุ้นเงินทุนเพื่อการท่องเที่ยวเดือนละ 1 ล้านบาท และโชคชั้นที่ 2 ชิงรางวัลรถยนต์วีออสเดือนละ 1 คัน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย.ที่จะถึงนี้

“ต้องยอมรับว่าภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศยังไม่คึกคักมากนัก เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศที่มีกระแสการเดินทางเติบโตทุกตลาด โดยมองว่าคนไทยยังกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงวันหยุดยาวในหลายเทศกาล ทำให้นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อบางส่วนวางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ” ยุทธศักดิ์ กล่าว 

นอกจากนี้ ททท.จะสร้างกระแสปลุกจิตสำนึกให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านแคมเปญฝากหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ไว้กับ ททท. เพื่อแสดงออกถึงการตั้งปณิธานไม่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ พร้อมวางแผนท่องเที่ยวในประเทศ ช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับระบบเศรษฐกิจไทย โดยกิจกรรมแต่ละเดือน ททท.เตรียมใช้ดารานักแสดงร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เจาะกลุ่มการเดินทางในแต่ละเป้าหมาย เช่น สิงหาพาแม่เที่ยว เตรียมใช้แม่ลูกขวัญใจชาวไทย โบว์ แวนด้า และน้องมะลิ พาขวัญ สหวงษ์ ร่วมรณรงค์ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยว

การส่งเสริมตลาดอย่างจริงจังในครั้งนี้ เพื่อผลักดันให้รายได้ทางการท่องเที่ยวตลาดในประเทศเป็นไปตามเป้าหมาย 8.5-9 แสนล้านบาท คนไทยเดินทาง 140 ล้านคน/ครั้ง ส่วนเทศกาลสงกรานต์ซึ่ง ททท.เตรียมจัดงานใหญ่ใน 13 พื้นที่ ภายใต้ชื่อ เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สุโขทัย เชียงใหม่ เป็นต้น แต่ละพื้นที่เตรียมนำเสนอศิลปวัฒนธรรมของดีของเด่นของจังหวัดตัวเอง ซึ่งคาดว่าตลอดเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทาง 2.14 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 2% สร้างรายได้สะพัด 6,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ต้องยอมรับว่า คนไทยหลายคนเมื่อเห็นราคาห้องพักในไทยแล้ว บางครั้งมองว่าแพงจนทำให้ตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศแทน แต่หากได้ดูราคาห้องพักเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้ว จะรู้ว่าหากเป็นโรงแรมในมาตรฐานที่เท่ากัน โรงแรมไทยถูกกว่าต่างประเทศมาก

ฮอร์วาร์ท สถาบันให้คำปรึกษาด้านโรงแรม ท่องเที่ยว และการพักผ่อนหย่อนใจ ได้สำรวจราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (เอดีอาร์) ของจุดหมายท่องเที่ยวในเอเชียปีที่ผ่านมา ซึ่งหากนำจุดหมายหลักๆ ในเอเชียมาเทียบกัน ราคาห้องพักในไทยค่าพักแค่ 50% ของสิงคโปร์ ฮ่องกง และไทเป (ไต้หวัน) ยังต่ำกว่าโซล (เกาหลีใต้) โตเกียว (ญี่ปุ่น) มะนิลา (ฟิลิปปินส์) บาหลี (อินโดนีเซีย) โฮจิมินห์ (เวียดนาม) แต่สูงกว่ากัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย) ปักกิ่ง (จีน) จาการ์ตา (อินโดนีเซีย) เล็กน้อย และเมื่อมีมาตรการรัฐเสริม ยิ่งทำให้เที่ยวไทยคุ้มค่าขึ้นไปอีก

ศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีวาน่า กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมดีวาน่า และรีเซนต้า ในภูเก็ตและกระบี่ กล่าวว่า การที่รัฐและเอกชนผนึกกำลังออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการต่ออายุมาตรการนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ไปอีก 1 ปี คาดจะช่วยเพิ่มความต้องการท่องเที่ยวใหม่ เช่น เดิมวางแผนเที่ยวต่างประเทศ ก็คงยังไป แต่จะเพิ่มแผนเที่ยวในประเทศด้วย หรือเดิมไม่มีแผนไปเที่ยวก็จะมีแรงจูงใจเที่ยว หรือมีแผนเที่ยวในประเทศอยู่แล้วก็จะเพิ่มจำนวนครั้งในการเที่ยว

“ช่วงสงกรานต์ปกติห้องพักจะเต็ม แต่ต้องรอเวลาคนจองช่วงใกล้ๆ ซึ่งการออกมาตรการของรัฐมาน่าจะช่วยให้คนไทยตัดสินใจจองห้องพักช่วงสงกรานต์เร็วขึ้น ประกอบกับวันที่ 14-17 เม.ย. มีงานไทยแลนด์ บอลลูน มิวสิค เฟสติวัล ที่ภูเก็ต พาราไดซ์ พาร์ค ก็เป็นอีกแรงจูงใจให้คนเลือกจองมาเที่ยวพื้นที่นี้ รวมทั้งมาตรการเดือน พ.ค.-ต.ค. ที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งมีการกระตุ้นให้ท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวได้มากกว่านี้ เพราะจะส่งผลดีมากขึ้นไปอีก ทำให้คนเพิ่มวันพัก หรือเพิ่มจำนวนครั้งท่องเที่ยวได้” ศึกษิต กล่าว

ทั้งนี้ หากคนไทยเที่ยวไทย จะมีค่าใช้จ่ายคุ้มค่ากว่าไปต่างประเทศ เพราะต้นทุนเดินทางต่ำกว่า ไม่จำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้านานเหมือนไปเที่ยวต่างประเทศ จองล่วงหน้า 1-2 วัน หรือในวันที่เดินทางเที่ยวก็ได้ โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งที่พักหาไม่ยาก ไม่ต้องใช้เวลาจองนาน และราคาก็ไม่แพง เพราะในไทยการแข่งขันของโรงแรมสูง ผู้ประกอบการปรับคุณภาพเพิ่ม เพื่อให้รู้สึกคุ้มค่ายิ่งขึ้น

ปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ เดอะรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท กล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดีที่เห็นเอกชนเข้ามาร่วมกับรัฐกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าการนำภาพแหล่งท่องเที่ยวเสนอบนบรรจุภัณฑ์ของเครือสหพัฒน์ จะช่วยสร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวได้ดีขึ้น ส่วนการต่ออายุมาตรการให้นำค่าห้องพักมาลดหย่อนภาษี เชื่อว่าจะทำให้คนที่ไม่คิดจะเที่ยวช่วงสงกรานต์นี้ จะเกิดความต้องการเที่ยว กระตุ้นได้ลักษณะเดียวกับนำค่าช็อปปิ้งลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี เพียงแต่อาจไม่ได้มากเท่า เพราะกำลังซื้อในประเทศเงียบมาก

ขณะเดียวกัน อยากให้รัฐให้ความสำคัญประชาสัมพันธ์เรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีด้านท่องเที่ยวให้ประชาชนรับรู้ทั่วถึงขึ้น จะได้ไม่ลืมเรียกใบเสร็จจากที่พัก รวมทั้งเลือกที่พักที่ถูกกฎหมายก่อน

ปิยะมาน กล่าวว่า หากเทียบโรงแรมมาตรฐานเดียวกันระหว่างไทยกับหลายประเทศ ราคาห้องพักในไทยคุ้มค่ากว่าแน่นอน เช่น แม้ต้นทุนไปเที่ยวภูเก็ตจะแพงกว่าฮ่องกง แต่หมายความว่าระดับโรงแรมที่ได้พักก็ต่างกัน เช่น ราคาค่าที่พักเดียวกัน ที่ภูเก็ตได้พักโรงแรม 5 ดาว แต่ฮ่องกงได้พักโรงแรม 3 ดาว

ดังนั้น เมื่อเทียบภาพรวมทั้งหมด มาตรการลด-แลก-แจก-แถม-ชิงโชค-หักภาษี จึงทำให้เที่ยวไทยปีนี้คุ้มค่า และที่สำคัญยังเพิ่มค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ถือเป็นการเที่ยวช่วยชาติ!!!

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025