4หุ้นรับเหมากำไรหรู

มองข้ามช็อตหุ้นรับเหมาอวดกำไรสวยงวดไตรมาสแรกชู TTCL, UNIQ, SEAFCO, PYLON เด่น

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ทำการวิเคราะห์อยู่ 12 บริษัท คาดว่าจะมีกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ใกล้เคียงกับไตรมาส 4 ปี 2558 ที่จะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,200 ล้านบาท สำหรับบริษัทที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตทั้งไตรมาสก่อนหน้าและเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีที่ผ่านมา  คือ  บริษัท ทีทีซีแอล (TTCL) บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บริษัท ซีฟโก้ (SEAFCO) และบริษัท ไพลอน (PYLON) จากการรับรู้รายได้ของงานในมือที่เพิ่มขึ้น  ส่วน TTCL มีประเด็นเสริมจากรายได้โรงไฟฟ้า Ahlone ในเมียนมา กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ ที่จะสร้างรายได้เข้ามาเต็มที่

ขณะที่บริษัทที่มีฐานกำไรต่ำกว่าปกติ หรือขาดทุนในงวดไตรมาส 4 เช่น บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์  (ITD) บริษัท ช.การช่าง (CK) และบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เชื่อว่าจะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในงวดไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากหลายบริษัท บันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ (การตั้งสำรองหนี้สูญและเงินโบนัสพนักงานพิเศษ) ในงวดไตรมาส 4 ที่ผ่านมา

สำหรับปี 2559 ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิรวมของกลุ่มรับเหมาฯ จะเติบโต 11% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท บริษัทที่จะมีกำไรโดดเด่น คือ TTCL คาดว่าจะโต 55% SEAFCO จะโต 34%  UNIQ ขยายตัว 21% และ PYLON โต 21% ส่วนบริษัทที่ขาดทุนในปี 2558 อย่าง ITD และ NWR เชื่อว่าจะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ คือการเร่งผลักดันประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ภายใต้แผนลงทุนเร่งด่วน 20 โครงการของกระทรวงคมนาคม มูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท คาดว่าจะมีการเปิดประมูลในปีนี้ประมาณ 5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย รถไฟทางคู่ 4 เส้นทาง รถไฟฟ้า 4 สาย ถนนมอเตอร์เวย์ และสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นรับเหมาฯ มากกว่าตลาด

นายบดินทร์ แสงอริยะกุล กรรมการผู้จัดการ PYLON กล่าวว่า ภาพรวมผลงานครึ่งแรกปีนี้น่าจะใกล้เคียงและทรงตัวจากปีที่ผ่านมาแต่จะดีขึ้นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐ แต่บริษัทรับงานไม่ได้ใหญ่มาก มีเพียงงานเล็กๆ อย่างต่อเนื่องและขณะนี้มีงานในมือกว่า 600 ล้านบาท ที่จะรอรับรู้ได้รายได้

ด้านหุ้นรับเหมาฯ ทยอยประกาศจ่ายเงินปันผล เช่น STEC  ประกาศจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท ส่วน ITD  งดแจกปันผล และ CK จ่ายปันผลอีกหุ้นละ 0.40 บาท รวมปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท เท่ากับจ่ายทั้งปี หุ้นละ 0.65 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 1,101 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังคงบวกต่อเนื่องรับข่าวรัฐบาลประกาศใช้มาตรา 44 ปลดล็อกการลงทุนโครงการขนาดใหญ่

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้  กล่าวว่า ตอนนี้หุ้นปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น 1,400 จุด และอาจจะปรับขึ้นไปมากกว่านี้ได้เล็กน้อย หรืออาจเห็น 1,500 จุดได้ ถ้าเห็นผลจากนโยบายภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นที่ได้ประโยชน์เกี่ยวข้องกับการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อาหาร หรือกลุ่มบันเทิง