posttoday

‘เอสเอสไอ’ขอแก้1ปีพ้นไอซียู

11 มีนาคม 2559

ศาลล้มละลายกลางไฟเขียว “เอสเอสไอ” ฟื้นฟูกิจการ บริษัทลั่นแก้ไม่เกิน 12 เดือน ออกจากไอซียู

ศาลล้มละลายกลางไฟเขียว “เอสเอสไอ” ฟื้นฟูกิจการ บริษัทลั่นแก้ไม่เกิน 12 เดือน ออกจากไอซียู

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2559 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (เอสเอสไอ) และให้บริษัทเป็นผู้ทำแผน

ผู้พิพากษา กล่าวว่า เหตุผลที่ให้เอสเอสไอฟื้นฟูกิจการ เพราะมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน และพิจารณาดูแล้วเป็นกิจการที่สามารถฟื้นฟูได้ เนื่องจากปัญหาหลักคือบริษัทลูก คือ สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาเหล็กล้นตลาด ขณะที่เอสเอสไอยังดำเนินธุรกิจได้

ขณะที่เจ้าหนี้จำนวน 80% คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนให้ฟื้นฟู และศาลยังเห็นว่า หากไม่ให้เอสเอสไอฟื้นฟูกิจการ อาจจะทำให้พนักงานที่มีอยู่จำนวน1,347 คนว่างงาน และรัฐบาลจะสูญเสียภาษีจากเอสเอสไอจึงเห็นสมควรให้ฟื้นฟูกิจการ

ด้านผู้บริหารเอสเอสไอ กล่าวว่า จากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำแผนฟื้นฟูกิจการ  เพื่อเสนอให้ที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณา หลังจากนั้นจะเสนอแผนฟื้นฟูให้ศาลพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าขบวนการทั้งหมดไม่เกิน 12 เดือน

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสเอสไอ กล่าวว่า กรณีที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 36,946 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2558 ทำให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะต้องแก้ไข และศาลเพิ่งมีคำสั่งให้บริษัท ฟื้นฟูกิจการและยังอยู่ในระหว่างการจัดทำแผน จึงยังไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของการดำเนินการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนได้

บริษัทมีความเชื่อมั่นว่า หากบริษัทดำเนินการตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้วจะสามารถแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอนได้ ส่วนของผู้ถือหุ้นจะกลับมาเป็นบวกและมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจากธุรกิจหลัก

นายวิน กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังคงมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจการค้าและมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอสำหรับการผลิตและจำหน่ายสินค้าโดยได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าและคู่ค้าที่ยังมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท

นอกจากนี้ ในปี 2558 บริษัทขาดทุนสุทธิ 4.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่ขาดทุนสุทธิ 4,903 ล้านบาท เพราะเป็นผลจากการหยุดกิจการที่อังกฤษ ซึ่งผู้สอบบัญชี คือ บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย ไม่แสดงความคิดเห็นต่องบการเงิน เพราะบริษัทอยู่ระหว่างการขอฟื้นฟูกิจการและเข้าสู่ขบวนการของศาลล้มละลายกลาง แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของการดำเนินงานต่อเนื่องอย่างมีสาระสำคัญ ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงาน
ต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2558 กลุ่มบริษัทมีขาดทุนสุทธิ 4.08 หมื่นล้านบาท รวมผลขาดทุนจากการยกเลิกการดำเนินงานของ เอสเอสไอ ยูเค 3.80 หมื่นล้านบาท มีขาดทุนสะสม 6.85 หมื่นล้านบาท และมีหนี้สินหมุนเวียนรวมสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 5.43 หมื่นล้านบาท

สำหรับในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 4 ในระหว่างปี 2558 กลุ่มบริษัทและบริษัทได้ขายสินค้าตามปกติธุรกิจให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันและการร่วมค้า รวม 18,565 ล้านบาท และ 7,899 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็น 51% ของยอดขายสินค้ารวม และ 41% ของยอดขายสินค้ารวม ยอดค้างชำระของลูกหนี้การค้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกันของกลุ่มบริษัทรวม 4,564 ล้านบาท และ 4,547 ล้านบาท ตามลำดับ

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"