"labrador" อีโคไลฟ์สไตล์ครองใจลูกค้า
"ลาบราดอร์" ขึ้นเป็นผู้นำสินค้า ตลาดอีโค โปรดักส์ ของสินค้าเครื่องเขียนและเครื่องหนัง รวมทั้งสามารถสร้างแบรนด์ส่งออกไปต่างประเทศ
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
“ลาบราดอร์” แบรนด์สินค้ากระเป๋าเครื่องหนัง ที่อยู่ในตลาดประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี และขึ้นเป็นผู้นำสินค้า ตลาดอีโค โปรดักส์ ของสินค้าเครื่องเขียนและเครื่องหนัง รวมถึงยังสามารถสร้างแบรนด์ ที่มียอดส่งออกสินค้าไปต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ
“เอนก กุลทวีทรัพย์” ผู้อำนวยการด้านการออกแบบ และผู้ก่อตั้ง บริษัท ลาบราดอร์ เปิดเผยว่า แบรนด์กระเป๋าและสินค้าเครื่องเขียน ลาบราดอร์ (labrador) อยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี โดยแบรนด์ได้มุ่งการนำเสนอ ความเป็นสินค้า อีโค ไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ โปรดักส์ ที่สร้างสร้างสินค้ากลุ่มนี้เป็นรายแรกๆ ในประเทศไทย เพื่อนำเสนอสินค้า ที่เป็นผลดีต่อผู้บริโภคมากที่สุด มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญ มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ต่อผู้บริโภค
“การนำเสนอสินค้า อีโค ไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ โปรดักส์ เพราะเป็นสิ่งที่เราชื่นชอบ และธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้กับผู้บริโภคทุกคน โดยเฉพาะผู้บริโภคเอเชีย จะชื่นชอบสินค้าในกลุ่มนี้”เอนก กล่าว
ขณะเดียวกัน การสร้างสรรค์ดีไซน์สินค้า แบรนด์ไม่เคยหยุดนิ่ง มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองในทุกวัน พร้อมกับนำเสนอเป็นคาแรกเตอร์ของแบรนด์ที่ชัดเจน สินค้าแต่ละแบบมีความแตกต่าง และมีความตัวตนของ ลาบราดอร์ อีกทั้งแบรนด์ก็มีการทำวิจัยและศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าอย่างใกล้ชิดในทุกปี เพื่อมุ่งนำเสนอสิ่งที่ดีสุดแก่ลูกค้า ส่วนแนวคิดการทำตลาดของแบรนด์ จะมุ่ง ความเป็นเพื่อนสำหรับลูกค้า ทุกคน ส่งผลให้แบรนด์ครองใจของลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ
“ผมไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ทุกอย่างคือการศึกษาเรียนรู้ ปรับรูปแบบตามวิธีของเรา พร้อมกับใช้การศึกษาใหม่มาใช้กับธุรกิจ ส่วนแรงบันดาลใจในการออกแบบสินค้า มาจากการสิ่งที่อยู่รอบตัว และมาจากการที่เราชอบเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ ได้พบเจอเรื่องราว ปัญหาและอุปสรรค ดังนั้นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ความเป็นธรรมชาติ จึงนำมาสู่การออกแบบสินค้าใหม่”เอนก กล่าว
ในปัจจุบันธุรกิจได้ขยายออกมาเป็น 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1. labrador 2. RElabrador นำมาจากวัสดุหนังที่รีไซเคิล labrador paper และ และแบรนด์ล่าสุด ซน “ZONN” ที่มีคาแรกเตอร์ของความเป็นเฟรนด์ลี่ และมีความสนุกสนาน ซึ่งในแต่ละปี จะมีการออกสินค้าใหม่ปีละ 8-10 รายการ
ส่วนตลาดในประเทศมีการเปิดชอป ทั้งในศูนย์การค้า เซ็นทรัล สีลม , เซ็นทรัล เอ็มบาสซี , สยามสแควร์วัน และ เทอร์มินอล 21 รวมทั้งมีการทำตลาดผ่านออนไลน์ ซึ่งผลการทำตลาดที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าจะเป็นคนไทย 40% และต่างประเทศ 60% โดยมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ประมาณ 20 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการเปิดชอปที่ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นแห่งแรก ในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว
“เอนก” กล่าวต่อไปว่า แผนงานต่อไปของธุรกิจ จะมุ่งนำเสนอดีไซน์ และสร้างสินค้าใหม่สู่ผู้บริโภค ส่วนการขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดที่มีความน่าสนใจ ทั้งนี้ เชื่อว่า ตลาดสินค้าอีโค ไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ โปรดักส์ จะเติบโตได้ดี ตามความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบและสนใจสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น รวมทั้งจะทำโครงการพิเศษใหม่ๆ ให้แก่สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งในทุกปี บริษัทจะมีการกำหนดวันแจกต้นไม้ให้แก่ผู้บริโภค
“การทำธุรกิจ มาจากการที่เราอยากหาสินค้าในแบบที่ชอบ แต่ไม่มีในตลาด และในต่างประเทศก็มีราคาแพงมาก จึงอยากสร้างสินค้าที่เป็นแบบเราชอบ จึงสนใจสร้างสินค้าเครื่องเขียน ที่มาจากหนังแท้ และขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยการลงทุนทำธุรกิจในช่วงแรกมาจากเงินลงทุนส่วนตัวทั้งหมด ไม่มีการกู้เงิน และการลงทุนที่ผ่านมาก็ใช้เงินสดมาตลอด เพราะบริษัทจะลงทุนเมื่อสถานการณ์และมีความพร้อมที่เหมาะสม”เอนก กล่าว
เอนก กล่าวต่อว่า มีคนรุ่นใหม่สนใจเข้ามาทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และมีหลายแบรนด์ที่เปิดตัวด้านสินค้าเครื่องหนัง สิ่งสำคัญที่จะทำให้แบรนด์อยู่รอดได้อย่างยั่งยืนคือ การมีเอกลักษณ์ของสินค้าที่แสดงความเป็นตัวตนที่ชัดเจนของแบรนด์ และเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งการเริ่มต้นทำธุรกิจจากสิ่งที่ชอบ จะเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ ให้สามารถสร้างสิ่งที่ดีสุด และทำได้ดีที่สุดอย่างแน่นอน เหมือนกับ “ลาบราดอร์” ได้สร้างสินค้าออกมาสู่ผู้บริโภคในปัจจุบัน
“เอนก” กล่าวทิ้งท้ายว่า จะไม่หยุดสร้างสิ่งใหม่ และสร้างสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อทำให้ผู้บริโภคที่ได้ใช้สินค้า มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น นี้คือ เป้าหมายสำคัญสุดของแบรนด์
แนวคิดธุรกิจ ลาบราดอร์
-สร้างสินค้า อีโค ไลฟ์สไตล์
-นำเสนอดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์
-ให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า
