มิราเคิลรุ่นสอง‘อนัคพล’ ต่อยอดธุรกิจโตในสนามบิน

การทำธุรกิจก็เหมือนการใช้ชีวิต หากไม่มีใจรักอาจทำไม่ได้ดี แต่ถ้าทำด้วยใจ ต่อให้เจออุปสรรคแค่ไหน ใจก็นำพาให้ผ่านไปได้ ซึ่ง อนัคพล อิงคะกุลกรรมการบริหาร บริษัท มิราเคิล กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดธุรกิจที่เข้ามาทำงานสานต่อจากรุ่นคุณพ่อด้วยใจรัก ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่แปลกใจที่เห็นความก้าวหน้าทางธุรกิจของ มิราเคิล กรุ๊ป ชัดเจน

อนัคพล เล่าว่า ตั้งแต่อายุ 16-17 ปี ระหว่างปิดภาคการศึกษา คุณพ่อก็ให้เริ่มฝึกงานในธุรกิจแล้ว เช่น เป็นพนักงานยกโต๊ะ จัดโต๊ะในโรงแรม พนักงานขายประจำสนามบินดอนเมืองติดต่อสายการบิน เพื่อให้ซึมซับว่าครอบครัวมีธุรกิจอะไรบ้าง แต่ละธุรกิจมีผลิตภัณฑ์ใดบ้าง พนักงานแต่ละธุรกิจมีรูปแบบการทำงานอย่างไร โดยส่วนตัวรู้สึกสนุกกับการฝึกงาน กระทั่งเรียนจบ 8 ปีที่แล้วได้เข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัว

ช่วงแรกที่เข้ามามีหน้าที่ติดตามคุณพ่อเพื่อศึกษางานโดยตรง จากนั้นเป็นผู้ประสานงานท่านประธาน แล้ว 2-3 ปีถัดมา เป็นผู้จัดการทั่วไป ดูแลธุรกิจ มิราเคิล เลาจน์ในสนามบิน ดูแลโรงแรมมิราเคิล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ล่าสุดเป็นกรรมการบริหาร บริษัท มิราเคิล กรุ๊ป

ทั้งนี้ มิราเคิล กรุ๊ป มี 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจโรงแรม ประกอบด้วย 3 โรงแรม คือ โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น เป็นโรงแรมแรกของกลุ่ม บนถนนวิภาวดีรังสิต ได้ปิดเพื่อปรับปรุงครั้งใหญ่เดือน ก.ค. 2558 ใช้งบปรับปรุงรวม 60 ล้านบาท จะกลับมาเปิดบริการอีกครั้งกลางปีนี้ เน้นปรับปรุงตกแต่งสไตล์คลาสสิก โมเดิร์น โดยอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะรีแบรนด์ชื่อโรงแรมใหม่หรือไม่ โรงแรมที่ 2 คือ มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามหลุยส์ แทเวิร์น ใกล้สนามบินดอนเมือง มีห้องพัก 260 ห้อง และห้องประชุม 19 ห้อง และโรงแรมที่ 3 มิราเคิล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงแรมที่ 4 เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 9 ไร่ ห่างจากโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น 50 เมตร เริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ พื้นที่นี้จะก่อสร้าง 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นโรงแรมสำหรับประชุมสัมมนา มีห้องประชุมกว่า 10 ห้อง ห้องพักระดับหรู 5 ดาว 50 ห้อง ส่วนที่ 2 โรงแรมราคาประหยัด 150 ห้อง และส่วนที่ 3 เป็นอาคารจอดรถรองรับได้กว่า 1,000 คัน โครงการนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้แบรนด์อะไรแต่คงไม่ใช้ชื่อมิราเคิล

ธุรกิจกลุ่มต่อมา บริษัท มาสเตอร์ มายนด์ คอนซัลแตนท์ ทำธุรกิจเลานจ์และที่พักในสนามบิน ได้แก่ ห้องรับรองพิเศษผู้โดยสาร ชื่อว่า มิราเคิล เลานจ์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งรีแบรนด์มาจากหลุยส์ แทเวิร์น มี 6 แห่ง และกำลังลงทุน 100 ล้านบาท เปิดเลานจ์ที่ 7 ในสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีความพิเศษคือมีทั้งพื้นที่ในอาคารและนอกอาคาร นอกจากนี้ยังมีหลุยส์ แทเวิร์น ทรานซิส โฮเต็ล เดย์รูม สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต มี 100 ห้องรองรับผู้โดยสารต่อเครื่องบินพัก คิดค่าใช้จ่ายรายชั่วโมง

สำหรับธุรกิจกลุ่มนี้ยังมีในสนามบินดอนเมืองด้วย เพราะเพิ่งประมูลพื้นที่อาคารผู้โดยสาร 2 ส่วนนอก ส่วนใน และอาคารผู้โดยสาร 1 ส่วนใน ได้เมื่อ พ.ย. 2558 โดยจะทำมิราเคิล เลานจ์ 3 แห่ง แบ่งเป็นในอาคารผู้โดยสาร 1 รวม 2 แห่ง อาคารผู้โดยสาร 2 อีก 1 แห่ง และสลีป บ็อกซ์ บาย มิราเคิล โรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวที่รอขึ้นเครื่องบิน คิดค่าพักรายชั่วโมง สร้างภายใต้แนวคิดกล่องโทนสีขาวดำ 25 ห้อง ตั้งอยู่ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร 2 จะเปิด 5 ห้องให้ทันวันที่ 8 มี.ค.นี้ จากนั้นเปิดที่เหลือสิ้นเดือน มี.ค. และยังมีสลีป บ็อกซ์ บายมิราเคิล บริเวณพื้นที่ส่วนใน 25 ห้อง คาดว่าเปิดได้ช่วงสงกรานต์หรือกลางปีนี้

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโคเวิร์กกิ้งสเปซ หรือพื้นที่ทำงานแบบแบ่งปัน บนชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร 2 แบ่งเป็นส่วนคนนั่งทำงานทั่วไปและห้องประชุมส่วนตัว 2-3 ห้อง คาดว่าเปิดช่วงสงกรานต์เช่นกัน

อีกกลุ่มคือ บริษัท เมจิก ฟู้ด กรุ๊ป ทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและร้านค้าปลีกในสนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ มีศูนย์อาหาร มินิมาร์ท ชื่อเมจิก ฟู้ด พอยท์ และเมจิก ฟู้ด พาร์ค กับร้านค้าปลีก 9 จุด ในอาคารผู้โดยสาร

ด้านธุรกิจนี้ในสนามบินดอนเมือง ได้แก่ เมจิก การ์เด้น ศูนย์อาหารรระดับหรูที่ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร 2 มีร้านอาหาร 19 ร้านเข้าร่วม จะทยอยเปิดบริการจนสมบูรณ์สิ้นเดือน มี.ค.นี้ เมจิก ฟู้ด พอยท์ ร้านอาหารสวัสดิการและมินิมาร์ท สำหรับผู้ทำงานในสนามบิน เปิดมาแล้ว 2-3 ปี ที่อาคารสำนักงานสนามบินดอนเมือง เมจิก ฟู้ด พาร์ค ร้านอาหารสวัสดิการและมินิมาร์ท ตั้งอยู่ชั้น 2 อาคารจอดรถ 7 ชั้น เปิดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2558 และมีคีออสร้านค้าปลีก เมจิก บ็อกซ์ อีก 30 ตารางเมตรระหว่างทางเชื่อมอาคารผู้โดยสาร 1 และ 2 ที่บริษัทเป็นพันธมิตรกับบริษัท ซีพี ออลล์

“ปีนี้ลงทุน 2,300-2,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการโรงแรมใหม่ 2,000 ล้านบาท ลงทุนพื้นที่ที่ประมูลได้ในสนามบินดอนเมือง 150 ล้านบาท ปรับปรุงหลุยส์ แทเวิร์น 60 ล้านบาท ลงทุนเลานจ์ในสนามบินสุวรรณภูมิ 100 ล้านบาท”

ด้านแผน 5 ปีจากนี้ มิราเคิล กรุ๊ป จะโตจาก 2 ส่วน คือ 1.ขยายธุรกิจในสนามบินออกไปสนามบินหัวเมืองมากขึ้น มองไว้ที่ จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ 2.สร้างแบรนด์มิราเคิล เลานจ์ ให้เข้มแข็งจนขยายแฟรนไชส์ไปสนามบินต่างประเทศได้ เริ่มจากสนามบินในเอเชียก่อน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมโต 10% ธุรกิจในสนามบินโต 15%

อนัคพล แนะนำผู้สานต่อธุรกิจว่า หากคิดมาทำธุรกิจบริการ ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความสุขและสนุกที่จะทำธุรกิจบริการหรือไม่ เพราะธุรกิจนี้ต้องเจอผู้คนหลายรูปแบบ หลายอารมณ์ และเวลาในชีวิตส่วนตัวจะน้อยลง หากยอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ ถูกลูกค้าต่อว่าแล้วยังยิ้มแล้วตอบรับว่าจะจัดการให้ได้ ก็มาทำได้ แต่หากถือตัวเองว่าอยู่เหนือคนอื่น ทนไม่ได้กับการถูกต่อว่า พร้อมสวนกลับทันที คงไม่เหมาะกับธุรกิจบริการ

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวโชคดีที่ซึมซับธุรกิจบริการตั้งแต่เด็ก และทีมงานมิราเคิล กรุ๊ป ส่วนใหญ่อยู่มานานแบบครอบครัว จึงไม่ต้อง เตรียมตัวมากกับการช่วยดูแลธุรกิจ และถึงแม้มิราเคิล กรุ๊ป จะเป็นบริษัทครอบครัว ก็มีโครงสร้างองค์กรชัดเจน แต่ทำงานในบรรยากาศครอบครัวที่อบอุ่นเป็นกันเอง จึงเป็นข้อดีที่ทำให้บริษัทตัดสินใจหลายเรื่องได้เร็ว สอดคล้องกับธุรกิจบริการที่หากตัดสินใจเร็ว ก็ขับเคลื่อนธุรกิจเร็วกว่าการบริหารที่ผ่านหลายขั้นตอนอนุมัติซึ่งอาจไม่ทันการณ์

อนัคพล กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมเผชิญปัญหาขาดแคลนบุคลากรเหมือนทุกธุรกิจ สาเหตุหลักจากคนรุ่นใหม่ทนแรงกดดันได้น้อย อดทนไม่เท่าคนรุ่นก่อน ต้องการมีธุรกิจของตัวเอง ต้องการรวยเร็ว อยากไปทำธุรกิจผ่านออนไลน์เพราะเชื่อว่าได้เงินง่ายและเร็วกว่า แต่ความจริงไม่ใช่ทุกคนที่ไปทำธุรกิจเองแล้วจะสำเร็จ เชื่อว่าในที่สุดปัญหานี้จะคลี่คลายเพราะคงมีคนจำนวนหนึ่งพบสัจธรรมทำธุรกิจเองแล้วไม่สำเร็จ ส่วนบริษัทก็รับมือปัญหานี้โดยให้ความสำคัญรักษาคนที่มีอยู่ ต้องมั่นใจว่าผลประโยชน์ สวัสดิการที่เสนอเทียบเท่าหรือมากกว่าในตลาด ที่สำคัญต้องซื้อบุคลากรด้วยใจ ทำให้รู้สึกว่าองค์กรไม่ได้ใช้งานแบบทาส เป็นการพูดคุยแบบพี่น้องช่วยเหลือกัน และบริษัทพยายามรีแบรนด์ มิราเคิล กรุ๊ป สะท้อนภาพลักษณ์ให้เห็นว่าเป็นกลุ่มที่มีธุรกิจหลายอย่าง ให้บุคลากรมั่นใจอยู่กับองค์กร

“สิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือ บุคลากร ทีมงาน เพราะถ้าไม่มีเขา เราอยู่ไม่ได้ เราให้ใจเขา ให้ความสำคัญเขา ที่ผ่านมาเราไม่เคยพลาดจ่ายเงินเดือนแม้แต่วันเดียว บอกว่าจ่ายวันนี้ก็ต้องวันนี้ เพราะรู้ว่าเรามีบุคลากรกว่า 1,000 คน แต่คนที่เราต้องดูแลหมายรวมถึงครอบครัวพวกเขาด้วย รวมแล้วก็กว่า 3,000 คน”

เรื่องบุคลากรสำคัญมากสำหรับธุรกิจที่กำลังต้องการโต เพราะเปรียบดั่งแขนขาธุรกิจ หากแขนขาไม่แข็งแรง ธุรกิจก็แข็งแรงยาก แต่ถ้าแขนขาแข็งแรง ธุรกิจก็มีโอกาสขยายกิ่งก้านสาขาได้ไกล