รุ่น3แจ๊กเจียฯฟื้น ‘ตาบู’บุกตลาดผิว

เจนฯ สามแจ๊กเจียฯ ปัดฝุ่นแบรนด์ “ตาบู” เน้นกลุ่มเดิมวัยกลางคน 40-50 ปี พร้อมบุกครีมอาบน้ำ

นายพงศ์รัตน์ อรุณวัฒนาพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท แจ๊กเจียอุตสาหกรรม (ไทย) ทายาทรุ่นที่ 3 ของผู้ก่อตั้ง เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทกลับมาทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ภายใต้แบรนด์ “ตาบู” อย่างจริงจังอีกครั้งในรอบหลายปี โดยจะยังเน้นกลุ่มเป้าหมายเดิมที่ทำตลาดในเมืองไทยมาประมาณ 50 ปี คือ กลุ่มผู้หญิงวัยกลางคนอายุ 40-50 ปี เพราะต้องการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่ยังมีความชื่นชอบในตัวสินค้า หากในอนาคตฐานตลาดกลุ่มนี้เริ่มอิ่มตัว บริษัทอาจขยายไปยังลูกค้าใหม่ๆ

“การแข่งขันในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แข่งขันกันรุนแรงมาก เราจึงต้องชัดเจนทั้งในตัวกลุ่มเป้าหมายและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ โดยตาบูจะยังคงจุดแข็งเดิมที่มีกลิ่นเดียว แต่อนาคตอาจจะมีประเภทผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น” นายพงศ์รัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ ในอดีตผลิตภัณฑ์แบรนด์ตาบู มีเพียงแป้งหอมและสบู่ก้อนเท่านั้น แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพิ่งจะส่งครีมอาบน้ำลงสู่ตลาด รองรับความต้องการของคนยุคใหม่ โดยการกลับมาบุกหนักครั้งนี้เตรียมงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท เน้นกลุ่มครีมอาบน้ำและแป้งหอมเป็นหลัก ตั้งเป้ายอดขายกลุ่มแป้งเติบโต 40% และกลุ่มครีมอาบน้ำเติบโตกว่า 100% จากยอดขายรวมของทั้งบริษัท ปีที่แล้วอยู่ที่ 850 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 300 ล้านบาท และในประเทศ 550 ล้านบาท โดยสินค้าที่ทำยอดขายเป็นหลัก คือ ตาบู รองลงมาเป็นกลุ่มเทนโซพล๊าส และไทเกอร์พล๊าส ตามด้วยกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์

สำหรับภาพรวมตลาดแป้งทาตัวในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดแป้งเด็กกว่า 50% ตลาดแป้งเย็น 30% ตลาดแป้งหอมกว่า 10% โดยภาพรวมตลาดแป้งทาตัวไม่ได้โตมาก มีเพียงกลุ่มแป้งเย็นเป็นตลาดที่เติบโตมากที่สุด ส่วนตลาดครีมอาบน้ำเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก มีมูลค่าประมาณ 5,200 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% ตาบูตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดนี้ 5% ภายใน 2 ปี