เล็งทาบทามโบว์ แวนด้า-น้องมะลิเป็นพรีเซ็นเตอร์เที่ยวไทย

ททท.เล็งทาบทาม แม่โบว์-น้องมะลิเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาประชาสัมพันธ์กระตุ้นไทยเที่ยวไทย หนุนรายได้ท่องเที่ยวเข้าเป้า 2.41 ล้านล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมปรับกลยุทธ์การตลาดและการโฆษณาประชาสัมพันธ์กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวตลาดในและต่างประเทศ เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม โดยเตรียมทาบทาม นางแวนด้า หรือโบว์ และด.ญ.พาขวัญ (น้องมะลิ) สหวงษ์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ประชาสัมพันธ์การเดินทางท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเดือนเม.ย.นี้

"การเลือก โบ แวนด้า และ น้องมะลิ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยสองแม่ลูกได้ ในส่วนการคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์กลุ่มอื่น เช่น กลุ่มกีฬา ผู้หญิง ฯลฯ คาดว่าจะทยอยโฆษณาประชาสัมพันธ์กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคนไทยออกมาเดินทางท่องเที่ยวตลอดปีนี้"นายยุทธศักดิ์กล่าว

นอกจากนี้เตรียมเปิดตัวแคมเปญ ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเที่ยวช่วยไทย ลุ้นล้าน เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มี.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในโครงการ "12 เมืองต้องห้ามพลาด" "12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส" และ "เขาเล่าว่า" ลุ้นชิงรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท โดยจับฉลากผู้โชคดีคนแรกช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

"ททท.ได้สั่งการสำนักงานททท.ในประเทศ 35 สำนักงานและสำนักงานททท.ต่างประเทศ 27 แห่งทั่วโลก เร่งวางแผนโลว์ซีซั่น มาร์เก็ตติ้ง เน้นการเจาะนักท่อเที่ยวรายกลุ่มความสนใจ กระตุ้นให้เกิดการเพิ่มระยะวันพัก และการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันให้รายได้ตลาดต่างประเทศเป็นไปตามเป้าหมาย 1.56 ล้านล้านบาท และในประเทศอีก 8.5 แสนล้านล้านบาท แลฃะมีรายได้เพิ่มจากโครงการเที่ยวช่วยไทยเพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท รวมรายได้ทั้งหมด 2.41 ล้านล้านบาท"นายยุทธศักดิ์ กล่าว 

นอกจากนี้ททท.ได้หารือร่วมกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวถึงแนวทางขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองบนเครื่องบิน (วีซ่า ออน เพลน) ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ลดความแออัดบริเวณท่าอากาศยานหลัก เช่น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีระยะเวลาการพักในประเทศไทยนานวันขึ้น รวมถึงใช้จ่ายมากขึ้นด้วย

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ถึงขั้นตอนดำเนินการด้านกฎหมาย สามารถให้ผู้ที่มีส่วนร่วมให้บริการนักท่องเที่ยว เช่น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน(แอร์โฮสเตส) ในการคัดกรองผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยได้หรือไม่ โดยแนวคิดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่ง ในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับการท่องเที่ยวของประเทศ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวในอาเซียน

นอกจากนี้ได้เตรียมของบประมาณประจำปี 2560 จำนวน 200 ล้านบาท จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย มุ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติตลอดระยะเวลาที่พักผ่อนในไทย โดยกองทุนนี้จะบริหารจัดการภายใต้คณะกรรมการ(บอร์ด) ททท. เพื่อความคล่องตัวในการเบิกจ่าย เมื่อเทียบกับกองทุนเยียวยานักท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา