กรุงศรีฯ ส่ง "เฟิร์สช้อยส์" ลุยนาโนไฟแนนซ์เพิ่ม
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เอาจริงกับการรุกขยายฐานลูกค้าธุรกิจรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก
โดย...ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เอาจริงกับการรุกขยายฐานลูกค้าธุรกิจรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก ดังนั้นหลังจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดให้ใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (นาโนไฟแนนซ์) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จึงมอบหมายให้บริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส หรือเงินติดล้อ ที่ทำธุรกิจสินเชื่อตลาดสดอยู่ ดำเนินการขอใบอนุญาตและดำเนินธุรกิจนาโนไฟแนนซ์
นอกจากนี้ ล่าสุด บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส (กรุงศรี คอนซูมเมอร์) ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังได้ใบอนุญาตดำเนินธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและช่องว่างทางธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ในไทยของกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ ที่ทำตลาดสินเชื่อรายย่อยอยู่แล้ว
ณญาณี เผือกขำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส ซึ่งดูแลธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาชื่อบริษัทที่จะดำเนินธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ ว่า หากใช้ชื่อ เฟิร์สช้อยส์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วจะสร้างความสับสนในตลาดหรือไม่ แต่หากเลือกเป็นชื่อใหม่ก็ต้องอาศัยเวลาที่จะทำให้ผู้บริโภครู้จัก
อย่างไรก็ดี บริษัทจะต้องดำเนินธุรกิจภายในเดือน ก.ย.นี้ ตามเงื่อนไขที่ต้องประกอบธุรกิจภายใน 1 ปีนับตั้งแต่ได้รับใบอนุญาต เบื้องต้นจะนำร่องในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการที่มีร้านค้าเป็นหลักแหล่ง เช่น ร้านค้าในเจเจมอลล์ ร้านค้าในห้างสรรพสินค้า ไม่ใช่แผงค้าที่เป็นตลาดของเงินติดล้อ
สำหรับแนวทางการพิจารณาสินเชื่อสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ จะใช้วิธีการสำรวจธุรกิจลูกค้าเพื่อคำนวณวงเงินกู้ โดยให้กู้ไม่เกิน 1 แสนบาท คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี แต่อาจลดดอกเบี้ยให้หากลูกค้ามีวินัย เพราะไม่มีคนเดินเก็บหนี้ตามร้าน ลูกค้าต้องไปชำระเองได้ทั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา ไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์เซอร์วิส ขณะที่บริษัทจะเพิ่มทีมตรวจสอบข้อมูลและทีมติดตามหนี้ แต่เพิ่มจำนวนไม่มากเพราะเพิ่งเจาะตลาด
ทั้งนี้ บริษัทกำลังพิจารณานำโมเดลธนาคารรักยัต (บีอาร์ไอ) ในอินโดนีเซีย ที่สามารถเข้าถึงพื้นที่และเติบโตมากในอินโดนีเซียมาปรับใช้ โดยบีอาร์ไอจะส่งเสริมให้ชาวบ้านหรือกลุ่มเป้าหมายที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กออมเงินไประยะหนึ่งก่อน จนมีรายได้และฝากเงินเข้ามาสม่ำเสมอ ก็จะปล่อยสินเชื่อให้ ลักษณะคล้ายการซ้อมผ่อน เมื่อมีความมั่นใจก็จะปล่อยกู้ได้มากขึ้น
ในด้านการดำเนินธุรกิจ บริษัทจะแยกกลุ่มลูกค้านาโนไฟแนนซ์ออกจากบริษัทในเครือ ไม่ขายพ่วงผลิตภัณฑ์ที่ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ให้กับลูกค้านาโนไฟแนนซ์ เพราะ ธปท.กังวลว่าลูกค้านาโนไฟแนนซ์จะมีหนี้สินพอกพูนและถูกเก็บดอกเบี้ยสูงเกินไป ยกเว้นลูกค้าเดินบัญชีชัดเจน หรือมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ ก็สามารถสมัครสินเชื่อบุคคลหรือบัตรเครดิตได้
ณญาณี ระบุว่า การสนับสนุนนาโนไฟแนนซ์เป็นเรื่องที่ดี แต่จะต่อยอดให้ลูกค้าไปสู่การเป็นเอสเอ็มอีได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจและการเติบโตที่มีเสถียรภาพ แต่บริษัทไม่ได้มองไกลถึงการยกระดับลูกค้า ต้องการเพียงให้ธุรกิจรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบเท่านั้น


