posttoday

ทองคำ มานะศิลปพันธ์ ผู้นำไซแมท เทคโนโลยี

28 กรกฎาคม 2553

....เจียรนัย อุตะมะ

ทองคำ มานะศิลปพันธ์ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) ผู้ให้บริการจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และพัฒนาโปรแกรมใช้งานคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่แบบครบวงจร ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ที่ขายหุ้นจำนวน 10 ล้านหุ้น ไม่หมด และมีแผนจะนำหุ้นที่เหลืออีก 5 ล้านหุ้น ออกขายรอบสองในปีนี้

ทองคำวัย 44 ปี ก่อตั้ง SIMAT มาตั้งแต่ปี 2543 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ในชื่อเดิม ไซแมท โมบาย คอมพิวเตอร์ ด้วยพื้นฐานที่เคยเป็นผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ที่บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ เครือสหพัฒน์ มาก่อน

ตอนนั้นผมคิดว่าคอมพิวเตอร์มีแต่พนักงานในสำนักงานเท่านั้น ไม่มีใช้ในหน่วยขาย จึงเชื่อว่าคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่จะเป็นแนวโน้ม และยังไม่มีใครทำระบบนี้

เมื่อเชื่อในความคิดนี้จึงตัดสินใจลาออกจากงานมาตั้งบริษัท เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายให้บริษัทในสหรัฐที่ผลิตคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ยี่ห้ออินเตอร์เม็กซ์

เขามาติดต่อขายคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ให้บริษัทผม และเห็นว่าผมมีแนวคิดนี้ จึงชวนออกมาตั้งบริษัทเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งนอกจากจำหน่ายฮาร์ดแวร์แล้ว ต้องมีซอฟต์แวร์ภาษาไทยรองรับ

ยุคแรกของการตั้งบริษัทเขาถือหุ้นทั้งหมด ต่อมากระจายหุ้น 49% ให้ผู้ร่วมทุนที่เป็นผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่อินเตอร์เม็กซ์ในมาเลเซีย 49% ทำให้กิจการเติบโต 100%

บริษัทเข้าจดทะเบียนใน mai ปลายปี 2550 พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อเป็น SIMAT

ปัจจุบันหลังการขายหุ้นล็อตล่าสุดบริษัทมีทุนจดทะเบียน 83.1 ล้านบาท สัดส่วนของ ทองคำประมาณ 30% ผู้ร่วมทุนมาเลเซีย 35% ที่เหลือเป็นนักลงทุนรายย่อย

เขากล่าวว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปหมุนเวียนทำธุรกิจ เพราะสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทสูงถึง 3 เท่า เนื่องมาจากบริษัทลูก ETech ในมาเลเซียให้เครดิตเทอมรัฐบาลมาเลเซีย 34 เดือน มากกว่าเครดิตเทอมของบริษัทที่มีเพียง 3060 วัน ช่องว่างนี้จึงใช้การกู้เงินจากธนาคาร

อย่างไรก็ตาม ทองคำกล่าวว่า เครดิตดังกล่าวดีมาตลอด โดยบริษัทลูกที่มาเลเซียทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท วงเงินกู้ธนาคาร 800 ล้านบาท และมีรายได้ปีนี้ 1,400 ล้านบาท ที่มาจากรัฐบาลมาเลเซีย

ปัจจุบันยอดขายจากบริษัทลูกที่มาเลเซีย นับเป็นยอดขายส่วนใหญ่ของบริษัท โดยมียอดขายจาก SIMAT เพียง 400 ล้านบาท

ปีนี้เรารับรู้รายได้จากมาเลเซียเต็มปี และจะมีกำไรจากบริษัทนี้ขั้นต่ำ 20 ล้านบาท จากสัดส่วนการถือหุ้น 60%

2 ปีที่เข้าจดทะเบียนใน mai บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,526 ล้านบาท และ 9,735 ล้านบาท ตามลำดับ จากรายได้ 200300 ล้านบาท ในระยะตั้งบริษัทมาเป็นระดับพันล้านบาท และปีนี้คาดจะมีรายได้ 1,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ อัตรากำไรสุทธิธุรกิจไทยสูงกว่ามาเลเซีย เพราะขายบริการมากกว่าในอัตรา 8% และ 12% ตามลำดับ

ลูกค้าของ SIMAT ในไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มค้าปลีก อาทิ เทสโก้ โลตัส เซเว่นอีเลฟเว่น บิ๊กซีบางสาขา

เขากล่าวว่ารายได้อนาคตของบริษัทจะเติบโตตามงบประมาณของรัฐบาล โดยบริษัทนอกจากมีบริษัทลูกที่มาเลเซียแล้ว ที่ประกันกำไรขั้นต่ำ 20 ล้านบาท (SIMAT ถือหุ้น 60%) ยังมีบริษัทลูกในเวียดนาม โดยการลงทุนบริษัทลูกที่เวียดนามรับประกันกำไรขั้นต่ำให้ปีละ 1012 ล้านบาท โดยที่เวียดนามค้ำประกันกำไร 3 ปี ปีนี้เป็นปีสุดท้าย (SIMAT ถือหุ้น 40%)

รายได้อนาคตของบริษัทในต่างประเทศจะเติบโตตามงบประมาณรัฐบาล โดยเวียดนามยังโตได้อีกมาก

ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้สูงถึง 800900 ล้านบาท ที่จะรับรู้ในปีนี้

โครงสร้าง SIMAT ประกอบด้วย ทองคำถือหุ้น 45% ในบริษัท แกรนด์ โฟล์ (บริษัทจดทะเบียนในมาเลเซีย) บริษัท แกรนด์โฟล์ ถือหุ้น 35% ใน SIMAT และ SIMAT ถือหุ้นในบริษัทในเวียเดนามและมาเลเซีย ทำให้การดำเนินนโยบายธุรกิจเป็นเครือข่าย

SIMAT มีนโยบายปันผลขั้นต่ำ 50% ของกำไรสุทธิ

เขาบอกว่าตอนนี้งานเป็นระบบมากขึ้น ทำให้เขามีเวลาว่างไปตีกอล์ฟกับลูกค้า พักผ่อนกับครอบครัว โดยครอบครัวนี้มีบุตรชายคนเดียววัย 14 ปี เรียนโรงเรียนนานาชาติอเมริกา สกูล ออฟ แบงค็อก และจะส่งลูกไปต่อไฮสกูลที่อเมริกา

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2