posttoday

มะม่วงหิมพานต์ 'เมธีภูเก็ต' ขึ้นแท่นของฝากอินเตอร์

21 มกราคม 2559

จุดเริ่มต้นของอาณาจักรธุรกิจ “เมธีภูเก็ต” เริ่มจาก เมธี จตุเมธเมธี มีอาชีพดั้งเดิมเป็นลูกจ้างช่างทองแห่งหนึ่ง

โดย...ทีมข่าวเอสเอ็มอีโพสต์ทูเดย์

จุดเริ่มต้นของอาณาจักรธุรกิจ “เมธีภูเก็ต” เริ่มจาก เมธี จตุเมธเมธี มีอาชีพดั้งเดิมเป็นลูกจ้างช่างทองแห่งหนึ่ง ทำมาหลายสิบปี มีเงินเก็บอยู่ 3 หมื่นบาท อยากจะเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่นที่มีอนาคตมากกว่าการเป็นช่างทอง จึงยอมเสี่ยงออกมาจากนายช่างทองอาชีพเดิมเพื่อผันไปเป็นเถ้าแก่ จังหวะนั้นไปเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงว่า “เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ จ.ภูเก็ต ไม่มี” เป็นสินค้าต้องนำเข้ามาเมื่อ 40 ปีก่อน

“มองว่ามีเงินเก็บ 3 หมื่นบาท ถ้าไม่ทำอะไรเงินต้องหมด ถ้าไปจับสินค้าตัวอื่นสินค้าต้องมีสต๊อก แต่ถ้าเป็นสินค้าเกษตรสินค้าสต๊อกไม่นาน จะระบายสต๊อกได้ จึงเป็นที่มาของธุรกิจกะเทาะเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ภายใต้แบรนด์เมธีภูเก็ต” เมธี กล่าว

ปัจจุบันประสบความสำเร็จมากในประเภทสถานประกอบการเป็นร้านของฝากของ จ.ภูเก็ต มี 2 สาขา และมีส่วนแบ่งของการตลาดและยอดจำหน่ายมากกว่า 2.5 หมื่นกิโลกรัม/ปี เจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก

บุญมา จตุเมธเมธี ภรรยาเมธี เปิดเผยว่า ช่วงเริ่มต้นของธุรกิจกะเทาะเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมามากกว่าที่จะมาถึงวันนี้ วันที่นักท่องเที่ยวให้การยอมรับ แต่โชคดีที่ลุงเมธี ซึ่งเป็นสามี ผู้ก่อตั้ง “เมธีภูเก็ต” เป็นผู้มีวิสัยทัศน์และคิดค้นเครื่องกะเทาะเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยตัวเอง ซึ่งเกิดจากไปดูงานที่อื่นๆ มาก่อนแล้วมาผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่แตกง่าย

นอกจากนี้ เมธีภูเก็ตได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค (OPOAI) ประจำปี 2558 ในแผนงานที่ 2 คือการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปรับปรุงใน 2 ส่วน คือ 1.การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการบรรจุอัตโนมัติ ซึ่งหลังปรับปรุงสามารถลดของเสียได้จาก 20% เหลือ 0% คิดเป็นมูลค่าปีละ 5.32 แสนบาท/ปี และ 2.การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติแบบฟิล์มหด ซึ่งก่อนปรับปรุงเกิดของเสีย 50% หลังปรับปรุงแล้วอัตราการเกิดของเสียเป็น 0% คิดเป็นมูลค่าปีละ 355,800 บาท/ปี

รวมถึงเข้าแผนงานที่ 6 กลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาด ซึ่งทีมที่ปรึกษาของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้ามาสำรวจ วิเคราะห์ ประเมิน และให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก โดยวางเป้าหมายยุทธศาสตร์พลิกฟื้นธุรกิจด้วยกลยุทธ์การตลาดระยะสั้น เพื่อกระตุ้นยอดขาย 5% ระยะกลางเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์และเปิดช่องทางการจำหน่ายใหม่ และกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อพัฒนาสินค้าและเปิดช่องทางการจำหน่ายใหม่

ทั้งนี้ บริษัทลงมือปฏิบัติตามแผนในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายช่องทาง การตลาดใหม่ในร้านค้าปลอดภาษี “คิงเพาเวอร์” จากการเข้าร่วมโครงการสามารถเพิ่มยอดขายได้ 17.57%

ถือเป็นสินค้าของฝากท้องถิ่น ที่สามารถก้าวสู่เวทีอินเตอร์ได้สำเร็จอีกราย

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568