ไขปมราคาน้ำมันดิ่ง ทำไมขายปลีกลงไม่มาก
หาคำตอบ! ราคาน้ำมันโลกร่วงต่อเนื่อง แต่ราคาขายปลีกในไทยทำไมยังไม่สะท้อนกลไกราคา
โดย...ทีมข่าวเศรษฐกิจภาครัฐ โพสต์ทูเดย์
กระแสการโจมตีกระทรวงพลังงานเกิดขึ้นอย่างหนักในโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อราคาน้ำมันโลกร่วงลงมาในระดับที่ต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ดูเหมือนว่าราคาขายปลีกในเมืองไทยยังไม่สะท้อนกลไกราคา ปัญหาดังกล่าวว่าอยู่ตรงไหน โพสต์ทูเดย์มีคำตอบ....
ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการให้ข้อมูลผ่านสังคมออนไลน์ ที่ระบุว่าราคาขายปลีกน้ำมันในไทยสูงเกินไปเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันในอดีต ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะปัจจุบันแม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลงต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาน้ำมันดิบเมื่อปี 2547 แต่การกำหนดราคาขายปลีกหน้าปั๊มจะต้องอ้างอิงจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ รวมทั้งมีตัวแปรอื่นๆ ที่ต่างกัน คือ อัตราภาษี เงินกองทุนต่างๆ และค่าการตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ ราคาขายปลีกหน้าปั๊มไม่ได้อ้างอิงจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพียงอย่างเดียว ประกอบกับส่วนต่างราคาระหว่างราคาน้ำมันดิบกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ (เบนซินและดีเซล) ก็มีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความต้องการและปริมาณการใช้น้ำมันในช่วงนั้นๆ เช่น ในช่วงที่มีความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปมากกำลังการกลั่นมีข้อจำกัดและยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล หากเป็นฤดูหนาวราคาน้ำมันดีเซลจะสูง ในขณะที่ถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยวราคาเบนซินจะสูงกว่า ดังนั้นถ้าจะดูราคาน้ำมันขายปลีกจะต้องดูที่ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบราคาน้ำมันระหว่างปี 2547 กับปี 2559 พบว่า ในปี 2547 น้ำมันเบนซิน 95 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 30.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับปี 2559 ราคาอยู่ที่ 30.20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ถ้าเป็นราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ ปี 2547 น้ำมันเบนซิน 95 ราคาอยู่ที่ 44.58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนปี 2559 ราคาอยู่ที่ 54.90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
จะเห็นได้ว่าแม้ราคาน้ำมันดิบจะใกล้เคียง แต่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นมา 25% ส่งผลให้ราคาขายปลีกต้องแตกต่างกันไป โดยราคาปี 2547 อยู่ที่ 16.99 บาท/ลิตร ส่วนปี 2559 ราคาอยู่ที่ 30.06 บาท/ลิตร นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันแล้ว ยังมีตัวแปรสำคัญที่ไม่เหมือนกันคือ ราคาหน้าโรงกลั่นปี 2547 อยู่ที่ 11.47 บาท/ลิตร ขณะที่ในปี 2559 ราคาหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ 13.79 บาท/ลิตร
นอกจากนี้ ยังมีอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เก็บเพิ่มจาก 3.68 บาท/ลิตร ขยับมาเป็น 5.60 บาท/ลิตร ยังมีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากเดิมเคยชดเชยอยู่ 1.23 บาท/ลิตร ที่ถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มเป็น 6.15 บาท/ลิตร นี่จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมราคาน้ำมันจึงขยับลงมาไม่มากนักและกลายเป็นกระแสโจมตี ว่าราคาไม่สะท้อนต้อนทุนตลาดโลก แต่ความเป็นจริงมีองค์ประกอบของราคาที่แตกต่างออกไป
สำหรับราคาน้ำมันดีเซลมีข้อสังเกตว่า เมื่อปี 2547 ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาอุดหนุนเพื่อพยุงราคาไม่ให้สูงเกินไปลิตรละเกือบ 3 บาท ในขณะที่ปัจจุบันไม่มีการชดเชยราคาแล้ว ดังนั้น ในอนาคตแนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ก็จะเป็นโอกาสที่จะใช้ในการปรับโครงสร้างภาษีและเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมต่อไป
“ในช่วงที่น้ำมันขาลงมีความพยายามนำราคาน้ำมันปัจจุบันไปเทียบกับราคาอดีต โดยอ้างอิงจากราคาน้ำมันดิบที่ใกล้เคียงกัน โดยตั้งคำถามว่า ทำไมราคาขายปลีกจึงไม่เท่ากัน ซึ่งในข้อเท็จจริงจะต้องมองที่โครงสร้างราคาน้ำมันทั้งหมดว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยน จึงไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ อย่างไรก็ตาม สนพ.มีการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยกำกับดูแลให้อยู่บนพื้นฐานที่สะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด และให้ประชาชนได้รับประโยชน์” ทวารัฐ กล่าว
ด้าน ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า ทาง สนพ.ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยระดับราคาน้ำมันดีเซลที่ลดต่ำลงมาต่ำกว่าลิตรละ 20 บาทนั้น ต้องพิจารณาว่าการขึ้นลงของราคามีความผันผวนแค่ไหน ซึ่งระดับราคาที่ลดต่ำลงมาแบบนี้อาจจะดีดกลับจาก 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไปเป็น 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม การดูแลราคาน้ำมันมีกลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพ หากราคาลดลงต่ำต่อเนื่องก็สามารถบริหารให้เกิดความสมดุลได้ หรือใช้แนวทางการเก็บอัตราภาษี ซึ่งในหลักการอยากให้ราคาน้ำมันสะท้อนกลไกตลาดมากที่สุดมากกว่า
ด้าน บริษัท ปตท.และบางจาก ได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 40 สตางค์/ลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี85 ปรับลด 20 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.เป็นต้นไป หลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงลดลงต่อเนื่องส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี โดยราคาใหม่เป็นดังนี้ เบนซิน 95 อยู่ที่ 30.06 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 23.10 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 22.68 บาท/ลิตร อี20 อยู่ที่่ 20.74 บาท/ลิตร อี85 อยู่ที่ 17.89 บาท/ลิตร และดีเซลอยู่ที่ 19.29 บาท/ลิตร (ราคานี้ไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด)
มนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีโอกาสลดลงมาทดสอบระดับที่ 25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ได้หลังจากที่อิหร่านมีสัญญาณที่จะถูกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ ซึ่งล่าสุดราคาน้ำมันดิบก็เคลื่อนไหวต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือต่ำสุดรอบ 12 ปี ดังนั้นหากน้ำมันดิบลงมาเคลื่อนไหวระดับ 25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นราคาขายปลีกน้ำมันของไทยก็ยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องได้อีกอย่างน้อย 1 บาท/ลิตร
อย่างไรก็ตาม ระดับราคาน้ำมันที่ต่ำนั้นต้องการให้รัฐบาลได้เข้าไปพิจารณาโครงสร้างต้นทุนของพลังงานทดแทน ทั้งเอทานอลและไบโอดีเซลที่มีราคาแพงกว่าน้ำมันถึง 50-60% ทำให้มองว่าเป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่ เมื่อราคาน้ำมันต่ำส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ต้องเข้าไปชดเชยจำนวนมาก
นี่คือโจทย์ใหญ่ด้านพลังของประเทศ


