จีนถล่มหุ้นไทยรอบ2 ปิดตลาดเช้า 7 ม.ค.ร่วง 19.39 จุด

ตลาดหุ้นไทยลดลงอีกครั้ง จากการที่จีนพักการซื้อขายรอบสองที่ฉุดหุ้นทั้งเอเชียให้ลดลงเพราะกังวลในเศรษฐกิจจีน

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 ม.ค.ปิดช่วงเช้าที่ 1,240.65 จุดลดลง19.39จุดหรือลดลง1.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย24,434.33 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวระหว่าง 1,231.82-1,244.04จุด
มูลค่าซื้อขาย 5 อันดับแรก

ADVANC  ปิดที่ 137.00บาท  -0.50บาท (-0.36%)
PTT ปิดที่  213.00  บาท-15.00บาท (-6.58%)
JAS ปิดที่  3.00 บาท -0.14 บาท(-4.46%)
INTUCH ปิดที่  48.25บาท  -1.25บาท (-2.53%)
SCC  ปิดที่  418.00บาท  -14.00บาท (-3.24%)

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ธนชาตวิเคราะห์ว่า  การปรับลดลงแรงของตลาดหุ้นจีนกว่า 7% จากความกังวลต่อ เศรษฐกิจชะลอตัว และมาตรการห้ามขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เกิน 5% ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 8 ม.ค.นี้ รวมไปถึงการปรับลดลงแรงของราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยกดดัน ตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่เปิดตลาด

อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( กลต.)จีน กำหนดให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุ้นเกิน 5% จะสามารถขายหุ้นได้ไม่เกิน 1% ของหุ้นที่ถือหุ้นภายในระยะเวลา 3 เดือน และต้องแจ้งแผนในการลดหุ้นให้กับ กลต.ทราบก่อนล่วงหน้า 15 วัน ซึ่งคาดว่าจะทำให้แรงขายหุ้นโลกชะลอตัว และหวัง การดัดกลับทางเทคนิค

ทั้งนี้แนะนำกลุ่มหุ้นที่ได้ผลดีจากบาทอ่อน และน้ำมันลง แข็งกว่าตลาดโดยให้...”ซื้อ” AAV EPG KCE SVI กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการปรับลดลงของราคาน้ำมัน อย่าง AAV และ EPG ที่มีต้นทุนการผลิต/ให้บริการ ตามราคาน้ำมัน มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด และแนะนำ “ซื้อ” 
 
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของค่าเงินบาท ตามการอ่อนค่าของค่าเงินภูมิภาค เป็นปัจจัยบวกต่ออัตรากำไรของ หุ้นกลุ่มส่งออก อย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง KCE และ SVI โดยคาดการณ์ผลการดำเนินงาน KCE ในไตรมาส 4ปี2558 จะออกมาดี ขณะที่ SVI เริ่มมีสัญญาณ “บวก” ทางเทคนิค โดยประเมินแนวต้านระยะสั้นที่ 5.05 บาท และถัดไปที่ 5.30 บาท