อายุของสัญญา กับมูลค่าของ Options
การซื้อขายสัญญาประเภท Options เป็นการซื้อขาย “สิทธิ” ในการซื้อ (Call Options) หรือ “สิทธิ” ในการขาย (Put Options) สินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต ตามเงื่อนไขการใช้สิทธิที่ตกลงกันไว้ ได้แก่ ราคาใช้สิทธิ หรือ Exercise Price วันหมดอายุของ Options และประเภทของ Options โดยผู้ซื้อ (Long) Options จะต้องจ่ายเงินค่า Premium ให้แก่ผู้ขาย (Short) Options เพื่อแลกกับสิทธิดังกล่าว
การซื้อขายสัญญาประเภท Options เป็นการซื้อขาย “สิทธิ” ในการซื้อ (Call Options) หรือ “สิทธิ” ในการขาย (Put Options) สินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต ตามเงื่อนไขการใช้สิทธิที่ตกลงกันไว้ ได้แก่ ราคาใช้สิทธิ หรือ Exercise Price วันหมดอายุของ Options และประเภทของ Options โดยผู้ซื้อ (Long) Options จะต้องจ่ายเงินค่า Premium ให้แก่ผู้ขาย (Short) Options เพื่อแลกกับสิทธิดังกล่าว
สำหรับผู้ซื้อจะสามารถเลือกตัดสินใจได้ว่าจะใช้สิทธินั้นหรือไม่ ในทางกลับกันผู้ขายจะต้องยอมให้ผู้ซื้อสามารถใช้สิทธิได้ตามที่ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตาม Options เป็นสัญญาที่มีวันหมดอายุ เพราะมีการกำหนดช่วงเวลาที่ผู้ถือครอง Options จะสามารถใช้สิทธิได้ ดังนั้น การหมดอายุของสัญญาจึงนับเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าของ Options ซึ่งผู้ลงทุนควรพิจารณาประกอบการลงทุน
วันหมดอายุยิ่งไกล มูลค่ายิ่งมาก
หากเปรียบเทียบ Options 2 สัญญา ที่เป็นประเภทเดียวกันและมี Exercise Price เท่ากัน สัญญาที่มีอายุยาวกว่าจะมีมูลค่ามากกว่า เนื่องจากมีโอกาสจะทำกำไรเพิ่มเติมได้ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งจะสามารถอธิบายการกำหนดมูลค่าดังกล่าวได้ง่ายๆ
จากตัวอย่างดังนี้ หากผู้ลงทุนตัดสินใจเลือกลงทุนใน Options ที่ปัจจุบันมีสถานะ Out-Of-Money หรือก็คือ ออปชั่นที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ลงทุนหากเลือกใช้สิทธิ ณ เวลาปัจจุบัน
สิ่งที่ผู้ลงทุนคาดการณ์ คือ โอกาสที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ทำให้ Options เปลี่ยนสถานะมาเป็น In-The-Money ก่อนที่ออปชั่นจะหมดอายุ ทำให้ผู้ลงทุนจะได้รับประโยชน์หากเลือกใช้สิทธิ ดังนั้น ยิ่งอายุสัญญาเหลือมากเท่าไหร่ ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสที่ราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ และทำให้มูลค่าของ Options ปรับตัวเพิ่มขึ้นและสร้างกำไรให้แก่ผู้ลงทุนได้ ดังนั้น Options ที่มีเงื่อนไขการใช้สิทธิเหมือนกัน 2 สัญญา สัญญาที่หมดอายุไกลกว่ามักจะมีมูลค่าสูงกว่า
ปัจจุบัน TFEX จัดให้มีการซื้อขาย Options ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 โดยมีวันหมดอายุแตกต่างกันไปรวมทั้งสิ้น 4 สัญญา ได้แก่ เดือนใกล้ 3 เดือนติดต่อกัน และเดือนสุดท้ายของไตรมาสถัดไป ตัวอย่างเช่น ณ วันที่ 1 ธ.ค. 2558 จะมีการซื้อขาย SET50 Index Options ใน TFEX ที่มีเดือนหมดอายุเป็นเดือน ธ.ค., ม.ค.,ก.พ. และ มี.ค. หากพิจารณามูลค่าของ Options ที่ซื้อขายใน TFEX ที่เป็น Options ประเภทเดียวกันและมี Exercise Price เท่ากัน
ตัวอย่างเช่น SET50 Index Call Options ที่มีสถานะ At-The-Money หรือมี Exercise Price อยู่ที่ 875 จุด จะพบว่า Options ที่หมดอายุในเดือน มี.ค. 2016 (SET50H16C875) จะมีราคาซื้อขายสูงที่สุด ในขณะที่ Call Options ที่มี Exercise Price เดียวกัน แต่หมดอายุในเดือน ธ.ค. 2015 (SET50Z15C875) จะมีราคาซื้อขายต่ำที่สุด
ผู้ซื้ออยากต่อเวลา ผู้ขายอยากหมดอายุ
เนื่องจากการลงทุน Options ใน TFEX เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถทำได้ทั้งซื้อและขาย ซึ่งผลกระทบของอายุสัญญาที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้รับจะแตกต่างกันไป ในกรณีของผู้ซื้อ Options ยิ่งเวลาผ่านไปใกล้วันหมดอายุเท่าไหร่ โอกาสที่ Out-Of-Money Options จะเปลี่ยนมาเป็น In-The-Money จะยิ่งมีน้อยลง และส่งผลเสียต่อผู้ถือครอง Options
ในทางตรงกันข้าม ยิ่งเวลาผ่านไปใกล้วันหมดอายุเท่าไหร่ จะยิ่งเป็นผลดีกับผู้ขาย เนื่องจากผู้ขาย Options เป็นผู้ขายสิทธิให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามสิทธิดังกล่าว แต่จำกัดเฉพาะภายในระยะเวลาก่อนที่สัญญาจะหมดอายุ เพราะฉะนั้นยิ่งสัญญาใกล้หมดอายุมากเท่าไหร่ หมายความว่าภาระผูกพันของผู้ขายก็ยิ่งใกล้จะหมดลง
จากการอธิบายข้างต้น จะเห็นได้ว่า อายุที่เหลือของสัญญาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กำหนดมูลค่าของ Option ซึ่งผู้ลงทุนควรจะต้องพิจารณาในการลงทุน เริ่มตั้งแต่ก่อนการซื้อหรือขายที่ควรจะพิจารณาว่าราคา Options ที่แพงขึ้น เพื่อแลกกับอายุสัญญาที่อายุยาวขึ้นนั้น มีความคุ้มค่าหรือไม่ และหลังจากถือครอง Options แล้ว ผู้ลงทุนจะต้องให้ความสำคัญกับอายุที่เหลือของสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงทุนที่เป็นผู้ซื้อสิทธิใน Out-Of-Money Options และสัญญาใกล้จะหมดอายุ
ผู้ลงทุนอาจพิจารณาขาย Options ดังกล่าวออกไปเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากเหลือระยะเวลาที่ Options ดังกล่าวจะกลับมาเป็น In-The-Money ได้ไม่มากนัก และหากผู้ลงทุนถือครอง Options ดังกล่าวจนหมดอายุสัญญา มูลค่าของ Out-Of-Money Options จะมีค่าเท่ากับศูนย์ หรือหมายความว่าผู้ลงทุนจะขาดทุนค่า Premium ที่จ่ายออกไปทั้งหมดนั่นเอง สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากโบรกเกอร์ที่ท่านใช้บริการ หรือเว็บไซต์ www.tfex.co.th


