Hi Mango เสน่ห์มะม่วงไทย
โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
ตลาดนัดสวนจตุจักร เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีการค้าขายแบบชุมชน และมีเอกลักษณ์ของสินค้าแบบเฉพาะตัว เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนเปลี่ยนจากผู้ซื้อมาเป็นผู้ขาย เช่นเดียวกับ “ปรียนันท์ แสงดี” สาวแบงก์ ที่มาลงทุนธุรกิจ ณ ที่แห่งนี้
ปรียนันท์ กล่าวว่า ได้เริ่มธุรกิจที่ตลาดนัดสวนจตุจักรเมื่อปี 2556 ช่วงนั้นเริ่มมองหาอาชีพเสริมจากการเป็นพนักงานประจำ ก็มองมาที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งเมื่อสมัย 10 ปีก่อนหน้านี้ถือเป็นตลาดที่มีเสน่ห์มาก แล้วก็ชอบมาเดินช็อปปิ้งเป็นประจำเพราะมีสินค้าหลากหลาย มีความเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของคิดเอง ขายเอง ออกแบบเอง รวมไปถึงของเก่า ของสะสมต่างๆ
“จตุจักร เป็นตลาดที่มีเสน่ห์มาก สินค้ามีหลากหลาย ไม่เหมือนเดินช็อปปิ้งที่ห้าง และคนที่มาช็อปปิ้งก็มีตั้งแต่ยาจกจนถึงมหาเศรษฐี เป็นแหล่งสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และเป็นของดี ที่สำคัญต่อรองได้” ปรียนันท์ กล่าว
สำหรับธุรกิจแรกที่ ปรียนันท์ ลงทุน คือ ธุรกิจเสื้อผ้า ภายใต้แบรนด์ “KOOKOO Shop” ที่ออก แบบเองทั้งหมด และได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะลูกค้าจากโซนยุโรปและญี่ปุ่น เคยทำรายได้สูงสุดถึง 1 แสนบาท/เดือน แต่ในช่วงที่มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง มีระเบิด ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้น้อยลงไปมาก
ปรียนันท์ กล่าวว่า ตลาดนัดจตุจักรจะค่อนข้างอ่อนไหวกับประเด็นเหล่านี้ จากการเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีลูกค้ามากกว่า 50% เป็นชาวต่างชาติ บรรยากาศการจับจ่ายที่จตุจักร เป็นตัวสะท้อนเศรษฐกิจมหภาคของประเทศได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หลังจากทำเสื้อผ้าได้ 4-5 ปี โดยมีฐานลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊ก จึงคิดทำร้านไอศกรีมเพิ่มขึ้น และเลือกไอศกรีมมะม่วง ซึ่งเป็นผลไม้ยอดนิยมของไทยมาเป็นวัตถุดิบ และเปิดร้านใหม่ ชื่อ Hi Mango ที่มีเมนูทั้งไอศกรีมมะม่วง น้ำมะม่วงปั่น ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นต้น ถือเป็นที่ถูกปากชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะชาวจีน ไต้หวัน ฮ่องกง
“เราใช้มะม่วงน้ำดอกไม้จากสวน หาแหล่งวัตถุดิบเอง ที่จะสามารถป้อนได้ทั้งปี ส่วนไอศกรีม ก็เลือกรสชาติเอง ชิมเอง และสั่งผลิต โดยใช้โรงงานที่ผลิตไอศกรีมให้แบรนด์ชั้นนำ ซึ่งการขายสินค้าประเภทอาหารจะดีอย่าง เพราะอย่างไรคนก็ต้องกิน” ปรียนันท์ กล่าว
สำหรับสินค้าของร้าน Hi Mango ซึ่งมีวัตถุดิบจากมะม่วงที่มีเหมือนกันทุกเจ้า แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่าง คือ รสชาติ และการบริการ ซึ่งส่วนหลังนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมากินที่ร้านและกลายเป็นลูกค้าประจำในที่สุด
ธุรกิจร้านไอศกรีม Hi Mango เติบโตเพิ่มขึ้นตามลำดับ มีรายได้วันละ 1.5-2 หมื่นบาท ซึ่งข้อเสียของการขายที่ตลาดนัดจตุจักร จะขายได้ 8 วัน/เดือน เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เทียบกับที่อื่นจะมีต้นทุนสูง แต่ที่ผ่านมาสามารถอยู่ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ช่วงที่มีระเบิด ได้รับผลกระทบหนักพอสมควร ยอดขายหายไปประมาณ 40%
สำหรับแผนต่อไป อาจจะขยายร้าน Hi Mango ในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งแนวโน้มขณะนี้ศูนย์การค้าชุมชน ตลาดนัดเกิดขึ้นมากมาย อาทิ เอเชียทีค ตลาดนัดรถไฟ แต่สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ ความพร้อม และจุดเด่นของแต่ละสถานที่ว่าจะดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากจะขยายสาขาต้องมั่นใจว่าธุรกิจต้องรอด จึงอยากใช้เวลาพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจให้มั่นใจมากกว่านี้ก่อน
อย่างไรก็ตาม นอกจากธุรกิจในสวนจตุจักรแล้วปรียนันท์ ยังลงทุนทำฟาร์มเห็ดร่วมกับเพื่อน ในชื่อ มัชรูม คอทเทจ ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“มองว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับการ เกษตร อย่างไรก็อยู่ได้นาน ทั้งฟาร์มเห็ด และร้านไอศกรีม Hi Mango สามารถสร้างรายได้ที่พออยู่ได้ และในอนาคตมีโอกาสที่จะขยายสาขาต่อไปได้อีก” ปรียนันท์ กล่าว
ถือเป็นผู้ประกอบการอีกหนึ่งรายที่หลงเสน่ห์ตลาดนัดสวนจตุจักร จากนักช็อปปิ้งกลายเป็นนักธุรกิจที่ยังเชื่อมั่นกับวิถีการค้าที่มีเอกลักษณ์ในตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดของไทยแห่งนี้


