posttoday

ซากโครงการคลองด่าน

28 ตุลาคม 2558

โดย...รุจิระ บุนนาค

โดย...รุจิระ บุนนาค

บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต มีมูลค่ากว่า 23,700 ล้านบาท มีการอนุมัติให้ก่อสร้างอย่างเป็นทางการจากคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2538   

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติชี้มูลความผิดโครงการนี้ และอัยการสูงสุดฟ้องคดีนักการเมืองต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง บังคับข่มขืนใจ หรือจูงใจให้ราษฎรขายที่ดินให้ และบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดิน 17 แปลง รวมพื้นที่ 1,900 ไร่ ไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ

โดยที่ดินดังกล่าวเป็นป่าชายเลนและที่ทิ้งขยะมูลฝอย เป็นที่ป่าสงวนหวงห้าม ในที่สุดกรมควบคุมมลพิษต้องเสียเงินจัดซื้อที่ดินจากโครงการสูงกว่าปกติ เป็นจำนวนเงินถึง 1,956 ล้านบาท

เป็นระยะเวลาสิบกว่าปีที่โครงการนี้ดำเนินการก่อสร้างมาเกือบแล้วเสร็จ แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ความจำเป็นของโครงการนี้ คือ เพื่อบำบัดน้ำเสียของประเทศไทยที่มีปัญหาน้ำเสียมาเป็นระยะเวลายาวนานอันเกิดจาก การทิ้งขยะมูลฝอย  การปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีคนได้นำปัญหาน้ำเสียมาบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว

นอกจากนี้ ยังมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้กรมควบคุมมลพิษซึ่งแพ้คดี จ่ายเงินให้บริษัทเอกชนกว่า 9,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าก่อสร้างที่ค้างชำระ และค่าเสียหายจากการผิดสัญญา ซึ่งขั้นตอนการจ่ายเงินให้เอกชน ต้องผ่านกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการขอตั้งงบประมาณจากรัฐบาล และกระทรวงการคลังจึงจะดำเนินการจ่ายเงินได้

ล่าสุด กรมควบคุมมลพิษออกมาเปิดเผยว่า ได้มีการนำเงินจากหลายๆ กระทรวงที่หักไว้ตั้งแต่ 2–10% มาสมทบเพื่อจ่ายค่าเสียหายให้กับบริษัทเอกชน โดยแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ เงินในแต่ละกระทรวงส่วนนี้ก็ไม่ได้มาจากไหน คือ เงินที่ได้จากภาษีอากรของประชาชน ต้องนำมาแบ่งจ่ายแทนผู้มีส่วนทุจริตโดยตรง

บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านในปัจจุบันมีการปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์แต่อย่างใด หลังจากมีการก่อสร้างเสร็จเกือบ 100%

หากมีการรื้อฟื้นโครงการขึ้นมาเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ แทนที่จะปล่อยทิ้งไว้เป็นซากปรักหักพังในภายภาคหน้าจะเป็นการดีกว่า แม้ต้องเสียงบประมาณอีกจำนวนหนึ่งเพื่อปรับปรุงให้ใช้การได้

ปัญหาบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านดังกล่าว หากแก้ไขโดยขั้นตอนปกติทั่วไปคงไม่มีใครกล้าแก้ปัญหา เพราะเห็นว่าเสี่ยงเกินไป คนที่จะมาดำเนินการแก้ไขอาจถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีเสียเอง ทุกอย่างจึงอยู่ในสภาพที่สงบนิ่งเหมือนสุญญากาศ

ดังนั้น หากนายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 นี้ ในทางบริหารจัดการปัญหาเกี่ยวกับบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ให้ปรับปรุงแก้ไขเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างจริงจัง น่าจะเป็นผลดีกว่าปล่อยให้ทิ้งร้างโดยไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจใดๆ และยังต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวนมหาศาลที่เป็นภาษีอากรของประชาชน

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"