DIY Cake by หนมหนึ่ง จากเล่นๆ สร้างรายได้จริง
ความตั้งใจแรกหลังออกจากงานประจำ คือ ต้องการดูแลลูกสาวและครอบครัวเป็นหลัก พร้อมหาอาชีพเสริมสร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ ด้วยการทำเบเกอรี่อย่างขนมเค้ก 3 มิติ ที่ กรกช วงศ์ลำเจียก หรือ “หนึ่ง” ได้ มาจากการค้นหา ผ่านทั้งเชฟมืออาชีพและสมัครเล่นที่มาสาธิตการทำขนมเค้กสูตรต่างๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่าง ยูทูบ (Youtube) ลองผิดลองถูกหลายหนจนมั่นใจในฝีมือและออกมาสร้างธุรกิจ
ความตั้งใจแรกหลังออกจากงานประจำ คือ ต้องการดูแลลูกสาวและครอบครัวเป็นหลัก พร้อมหาอาชีพเสริมสร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ ด้วยการทำเบเกอรี่อย่างขนมเค้ก 3 มิติ ที่ กรกช วงศ์ลำเจียก หรือ “หนึ่ง” ได้ มาจากการค้นหา ผ่านทั้งเชฟมืออาชีพและสมัครเล่นที่มาสาธิตการทำขนมเค้กสูตรต่างๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่าง ยูทูบ (Youtube) ลองผิดลองถูกหลายหนจนมั่นใจในฝีมือและออกมาสร้างธุรกิจ
กรกช เล่าว่า ธุรกิจนี้เริ่มจริงจังเมื่อราว 6 เดือนที่ผ่านมา โดยใช้งบลงทุนตั้งต้นธุรกิจไม่มากนักแค่หลักพันบาทต้นๆ แต่ด้วยความที่สนใจการทำขนมอบหรือเบเกอรี่มาก่อน จึงทำให้เริ่มธุรกิจเล็กๆ แบบนี้ได้ไม่ยาก พร้อมลงมือทำเค้ก 3 มิติ รูปทรงต่างๆ ตามที่ลูกค้าสั่ง (ออร์เดอร์) เช่น ทรงกระเป๋า หรือตุ๊กตารูปต่างๆ ที่ใช้เทคนิคการขึ้นรูปและปั้นส่วนผสมแป้งและน้ำตาล โดยใช้ช่องทางขายออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก www.facebook.com/diymicrowavecakebynhomnueng อย่างเดียว
ขณะที่การทำตลาดในช่วงแรกประสบปัญหาในการส่งสินค้าให้กับลูกค้า ด้วยทางร้านจะปักหมุดพื้นที่การส่งของเฉพาะในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการเท่านั้น แต่หากไปยังจังหวัดไกลๆ ขึ้น อย่างพัทยาหรือเชียงใหม่แล้ว การส่งสินค้าจะมีความลำบาก ด้วยเป็นเค้กที่มีการขึ้นรูปทรง เมื่อเคลื่อนย้ายไกลๆ หรือใช้เวลานานๆ อาจทำให้ตัวสินค้าล้มเสียหายได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ตัดสินใจหันไปหาสินค้าอื่นในหมวดเบเกอรี่มาทำตลาดแทน
กระทั่งมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ คือ การทำตลาดชุดเค้กสำเร็จรูป ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นเค้กสตาร์เตอร์คิท (Cake Starter Kit) สำหรับผู้เริ่มต้นหรือสนใจทำขนมอบเบเกอรี่ ด้วยการจัดชุดเค้กประเภทต่างๆ ออกมาทำขาย โดยในปัจจุบันจะมีสินค้าทั้งหมด 4 แบบ คือ 1.ชุดคัพเค้ก ราคาถ้วยละ 99 บาท โดยใน 1 ชุดประกอบด้วยถ้วยกระดาษ 7 ใบ (คละแบบ) สูตรและวิธีการทำ ช้อนตวง แป้งเค้ก หรือผงทำหน้าเค้ก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีสินค้าหมวดเค้กนึ่ง ราคา 119 บาท หมวดเค้กปอนด์ ซึ่งจะมี 2 ขนาด คือ แบบ 4 ชิ้น ราคา 104 บาท และแบบ 6 ชิ้น ราคา 119 บาท และหมวดเค้กบราวนี่ ราคา 179 บาท ซึ่งหลังจากที่ทางร้านได้ปรับกลยุทธ์สินค้าออกมาทำตลาดในรูปแบบดังกล่าว ก็ได้ผลตอบรับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเวลาอันรวดเร็ว
กรกช เล่าว่า ในช่วงแรกที่ประสบปัญหาในการจัดส่งสินค้าไปได้ไม่ทั่วถึง จึงได้มาใช้บริการส่งสินค้าของไปรษณีย์ ทำให้ขยายการส่งสินค้าได้ทั่วประเทศ และช่วงหลังไปรษณีย์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นกล่องรุ่นมาตรฐาน ทำให้การส่งสินค้าประเภทเบเกอรี่เป็นไปอย่างง่ายและสะดวกขึ้น
“ในช่วงแรกยอมรับว่าขายไม่ดี เพราะเราทำตลาดออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียว ลูกค้าทั่วไปก็จะยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในแบรนด์ เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ทางร้านจะใช้ความตั้งใจในการสาธิตแสดงการทำเค้กใหม่ๆ ออกมาสม่ำเสมอ กระทั่งมีลูกค้าซื้อสินค้าไปและทดลองทำพร้อมรีวิวส่งกลับมาในเฟซบุ๊กเราเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเหมือนการช่วยโฆษณาแบบบอกต่อและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าคนอื่นๆ ในที่สุด” กรกช เสริม
จากกระแสปากต่อปากในตัวสินค้า ที่เมื่อได้ลองซื้อไปทำจนติดใจไปแล้ว ทำให้ปัจจุบันร้าน DIY Microwave Cake by หนมหนึ่ง มีอัตราการเติบโตรายได้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันต่อ 1 รอบการส่งสินค้า 1 ครั้ง จะอยู่ที่ประมาณ 60-70 กล่อง จากเดิมจะอยู่ที่ประมาณ 5 กล่อง/1 รอบการส่งสินค้าเท่านั้น
ปัจจุบันหน้าร้านออนไลน์ผ่านสื่อเฟซบุ๊กของร้านหนมหนึ่ง มีจำนวนยอดผู้กดไลค์กว่า 1.1 แสนรายแล้ว ซึ่งกรกชยังได้นำธุรกิจทำการค้าออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์เบนโตเว็บ (BentoWeb) เพิ่มด้วย เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จากปัจจุบันลูกค้าหลักที่เข้ามาสั่งซื้อสินค้าส่วนใหญ่ จะมีอายุตั้งแต่ 13-20 ปี หรือกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ชื่นชอบการทำเบเกอรี่ และอยากทำขนมอร่อยด้วยฝีมือตัวเองให้คนพิเศษรับประทาน
อย่างไรก็ตาม จากจุดเริ่มธุรกิจจากการทำเล่นๆ แต่ในปัจจุบันกิจการเติบโตสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้กรกชจะต้องเร่งวางแผนการผลิตสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มวัตถุดิบเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมแผนลงทุนสร้างโรงงานเพื่อป้อนวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าส่งให้กับลูกค้าที่มีเข้ามาไม่ต่ำกว่าหมื่นรายต่อวัน
ปัจจุบันธุรกิจเล็กๆ ของเธอสามารถสร้างรายได้ตอบแทนมากกว่างานประจำที่เคยทำไปเสียแล้ว
ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่อาศัยความตั้งใจ มุ่งมั่น สร้างสรรค์ธุรกิจด้วยการใช้นวัตกรรมและช่องทางใหม่ๆ ในการพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน


