เตือนทำคันกั้นน้ำได้ไม่คุ้มเสีย
ทีดีอาร์ไอเผยผลศึกษาโครงการยกถนน-พนังกั้นน้ำ ซ้ำเติมพื้นที่รอบนอกท่วมซ้ำซาก
ทีดีอาร์ไอเผยผลศึกษาโครงการยกถนน-พนังกั้นน้ำ ซ้ำเติมพื้นที่รอบนอกท่วมซ้ำซาก
นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า จากการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำกับการใช้ที่ดินของไทย กรณีศึกษาทุ่งพระพิมล ซึ่ง
เป็นทุ่งรับน้ำฝั่งตะวันตกตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าโครงการยกถนน ยกคันกั้นน้ำ และสร้างพนังกั้นน้ำหลายโครงการในพื้นที่ ซึ่งดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจและเขตเมืองห้ามท่วม ได้ส่งผลให้พื้นที่นอกเขตสิ่งปลูกสร้างเสี่ยงกับวิกฤตน้ำท่วมซ้ำซาก และหนักกว่าปกติ
“การใช้สิ่งปลูกสร้าง เช่น ยกถนน ยกคันกั้นน้ำ และการทำพนังกั้นน้ำ ได้ส่งผลให้พื้นที่นอกเขตสิ่งปลูกสร้างเสี่ยงเจอวิกฤตน้ำท่วมซ้ำซาก นานและหนักกว่าปกติ เพราะระบายน้ำออกไม่ได้ ทั้งยังส่งผลให้สูญเสียพื้นที่เกษตรและเสียค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำออก นอกจากนี้ ความสูงของถนนยกสูงหรือพนังกันนั้น จะทำให้น้ำในแนวถนนยกสูงหรือภายในคันกั้นน้ำมีกำลังแรงขึ้น เนื่องจากพื้นที่รับน้ำตามปกติถูกปิดกั้นไม่ให้น้ำไหลออกไปได้” นายอดิศร์ กล่าว
นายอดิศร์ ระบุว่า ผลการศึกษายังพบว่าการสร้างคันกั้นน้ำจะส่งผลกระทบต่อราคาที่ดินบริเวณพื้นที่ก่อสร้างด้วย เนื่องจากพื้นที่นอกคันกั้นน้ำจะมีโอกาสเกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้น ในขณะที่พื้นที่ที่อยู่ในคันกั้นน้ำจะสามารถทำการเกษตรได้มากกว่า 2 รอบ/ปี และราคาที่ดินยังเพิ่มขึ้น อีกทั้งการสร้างคันกั้นน้ำและพนังกั้นน้ำจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะจะทำให้ทางน้ำเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในพื้นที่คันกั้นน้ำ และการกระจายพันธุ์พืชลดลง
“แม้ว่าการสร้างและยกระดับคันกั้นน้ำที่ทุ่งพระพิมล จะช่วยลดปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ได้ 48% ลดความลึกของระดับน้ำที่ท่วมลง 40 เซนติเมตรจากระดับสูงสุดเดิม และสามารถลดระยะเวลาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ได้ 20-45 วัน แต่จะทำให้พื้นที่เหนือทุ่งพระพิมลได้รับผลกระทบมากที่สุด” นายอดิศร์ กล่าว
นอกจากนี้ จากการประเมินต้นทุนและผลประโยชน์เชิงเศรษฐศาสตร์จะพบว่า การสร้างยกถนน สร้างคันกั้นน้ำ และพนังกั้นน้ำในทุ่งพระพิมลมีมูลค่า 2,673 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้างถนน 2,500 ล้านบาท และค่าเครื่องสูบน้ำ 143 ล้านบาท แต่จะมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม 7,700 ล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตร ค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลงที่ต้องใช้เพิ่มขึ้น 869 ล้านบาท และมูลค่าความเสียหายจากสิ่งปลูกสร้าง 5,691 ล้านบาท
สำหรับทุ่งพระพิมล ครอบคลุมพื้นที่ 2.75 แสนไร่ อยู่ในเขต จ.นนทบุรี และนครปฐม โดยเป็นพื้นที่ชลประทานตอนล่างสุดที่รับน้ำเหนือหลากจากตอนบนก่อนเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ คือ กรุงเทพฯ และสมุทรสาคร


