posttoday

กองอสังหาฯโฮสพีทาลิตี้จ่าย7-8%ต่อปี

09 ตุลาคม 2558

บลจ.วรรณ เปิดกองอสังหาฯ โฮสพีทาลิตี้ ซื้อ “พี พี ฮอลิเดย์ อินน์” ปันผลปีละ 7-8%

บลจ.วรรณ เปิดกองอสังหาฯ โฮสพีทาลิตี้ ซื้อ “พี พี ฮอลิเดย์ อินน์” ปันผลปีละ 7-8%

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ เปิดเผยว่า วันที่ 9-27 ต.ค. 2558 บริษัทจะเปิดขายกองทุนรวมอสังหา ริมทรัพย์ไทยแลนด์ โฮสพีทาลิตี้ (TLHPF) มูลค่ากองทุน 1,720 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) โรงแรมพี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท และเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้

โรงแรม พี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนเกาะพีพี เนื้อที่กว่า 31 ไร่ และมีที่ดินติดหาดขนาดยาว 500 เมตร โดย 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราเข้าพักเฉลี่ยมากกว่า 80%

กองทุน TLHPF จะให้สิทธิแก่บริษัท พี พี ฮอลิเดย์ เป็นผู้เช่าโดย Intercontinental Hotel Group (IHG) ภายใต้แบรนด์ Holiday Inn Resort เป็นผู้บริหารโครงการ ระยะเวลาการให้เช่ารวม 15 ปี โดยแบ่งเป็นสัญญาเช่า 3 ปี

ขณะที่รายได้ของกองทุนจะมาจากค่าเช่าคงที่ โดยบริษัทตั้งใจจะจ่ายปันผลในอัตรา 95% ของกำไรสุทธิ ทำให้อัตราผลตอบแทนในช่วง 15 ปี อยู่ที่ 7-8% ต่อปี จ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง/ปี

“ในช่วงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของอุตสาหกรรมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 6% ต่อปี ในขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.72% ต่อปี” นายวิน กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่จะขายทรัพย์สินในอนาคต เพราะปัจจุบันนี้การเพิ่มของโรงแรมบนเกาะพีพีมีไม่มาก เพราะที่ดินจำกัด ซึ่งทำให้การออกใบอนุญาตก่อสร้างและให้ใบอนุญาตโรงแรมค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้นมีโอกาสที่มูลค่าของโครงการจะเพิ่มขึ้น

ด้าน นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) ใน 3 ตลาดหลักปรับเพิ่มขึ้น โดยสหรัฐเพิ่ม 3.38% ยุโรป 7.89% และญี่ปุ่น 9.36% 

ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของรีทในระยะนี้คือ ตลาดเริ่มคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรปมีโอกาสขยายระยะเวลาและเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของญี่ปุ่นและยุโรปจะทรงตัวในระดับต่ำไปอีกระยะ

นอกจากนี้ ดัชนีราคาของรีทญี่ปุ่นและสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนเงินปันผลและพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (Yield Gap) มีส่วนต่างสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ 2.9% และ 1.9% ตามลำดับ

“แนะนำลงทุนในยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวและแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังต่ำ ซึ่งจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้อีกมาก ขณะที่ราคายังไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ โดยมีมูลค่าที่น่าสนใจ จึงเป็นเป้าหมายการลงทุนในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ส่วนสหรัฐแม้จะยังมีความกังวลเรื่องดอกเบี้ย แต่ระยะยาวน่าสนใจ” นายคมศร กล่าว

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค. 68