ไพร่าท้าชนผู้นำ เปิดศึกหลอดไฟแอลอีดี

 นับแต่เปิดดำเนินกิจการในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2553 จนถึงปัจจุบันบริษัท เอสเอฟเทค เทคโนโลยี บริษัทในเครือ เน็ตคราฟท์ คอมมูนิเคชั่น ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากประเทศออสเตรเลีย ประกาศความพร้อมปักธงรบตลาดไทยเต็มสูบ ทั้งการเปิดตลาดสินค้าใหม่เพิ่ม การตั้งโรงงานผลิต และการเตรียมแผนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

รัฐนันทน์ เชนสิริเมธีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอฟเทค เทคโนโลยี เปิดเผยว่า นับจากนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอีก ได้แก่ หลอดไฟแอลอีดี T8 ระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ “ไพร่า” (Pyra) วิดีโอคอมมานด์ และ Air Switch รุ่นใหม่ที่ควบคุมการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่เปิดตัวเข้าสู่ตลาด คือ แอร์สวิทช์ (Air Switch) สวิทช์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นนวัตกรรม Wireless Lighting
Automation แบบพึ่งพาตนเองที่สามารถจำและตั้งค่าตำแหน่งไฟ รวมถึงปรับความสว่างเพื่อสร้างบรรยากาศตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และโรงแรมชั้นนำ

สำหรับการรุกทำตลาดหลอดไฟแอลอีดีนั้น เนื่องจากปัจจุบันตลาดแอลอีดีถือเป็นเทรนด์ของโลก แต่สำหรับประเทศไทยยังถือว่ามีราคาสูงและมีแบรนด์ที่แข็งในตลาดน้อย ดังนั้น จึงเห็นช่องทางที่จะเข้ามาเจาะตลาดหลอดไฟแอลอีดีในระดับพรีเมียมแต่ราคาถูกกว่าโดยจะถูกกว่าแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดประมาณ 15-25%

นอกจากนี้ยังเห็นได้จากอัตราการใช้แอลอีดีของคนไทยในปี 2558 เพิ่มสูงขึ้นถึง 45-50% เนื่องจากมีหน่วยงานภาครัฐหลายภาคส่วนร่วมรณรงค์ และออกนโยบายให้ใช้ไฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอย่างสูงสุด นอกจากนี้ราคาหลอดแอลอีดียังลดต่ำลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

“จุดเด่นของแบรนด์ไพร่า คือ เป็นสินค้านวัตกรรมที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นจากทีมงานของบริษัทในประเทศออสเตรเลีย และด้วยเหตุผลที่บริษัทเป็นเจ้าของทั้งเทคโนโลยี โรงงานและเป็นผู้ทำตลาดเอง ทำให้ต้นทุนด้านราคาต่ำลงจนผู้บริโภคคนไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระดับโลกได้ง่ายขึ้น จึงสามารถจำหน่ายได้ในราคาถูกกว่า”

ขณะที่การสร้างแบรนด์สินค้าในระยะแรกจะทำตลาดผ่านโรงแรมห้าดาว เช่น ดุสิตธานี โดยติดตั้งแอลอีดีให้ผู้ประกอบการโรงแรม มีการเทสต์คุณภาพของสินค้า ณ จุดขายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้องค์กรและสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค รวมถึงลูกค้ากลุ่มโครงการเอกชนขนาดใหญ่ ตลาดค้าปลีก และภาครัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มบุกตลาดผู้บริโภคทั่วไปได้อีก 18 เดือนจากนี้

พร้อมกันนี้ จะเริ่มขยายช่องทางจำหน่ายใหม่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยอยู่ระหว่างเจรจากับเชนค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ เพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในทุกสาขา รวมถึงร้านวัสดุก่อสร้างและโมเดิร์นเทรดทั่วไป

ในปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายกว่า 10 ล้านบาท แต่หลังจากบุกตลาดอย่างจริงจังในปีนี้ คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายได้เติบโตมากขึ้นถึง 5 เท่าตัว หรือมียอดขายเพิ่มเป็นกว่า 50 ล้านบาทในปีนี้ โดยเฉพาะจากการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วไป จากเดิมที่เน้นลูกค้าโครงการเป็นหลัก

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใน 3 ปีจากนี้ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นบริษัทจะมียอดขายถึง 80 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อระดมทุนมาขยายกิจการโดยเฉพาะการตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย ที่จะเริ่มเฟสแรกเร็วๆ นี้ ด้วยการนำชิ้นส่วนมาประกอบการในประเทศไทย จากนั้นเฟส 2 จะเริ่มนำเข้าเครื่องจักรมาตั้งในไทยและขยายสู่เฟส 3 เพื่อขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้สามารถส่งออกได้ คาดใช้งบลงทุนทั้ง 3 เฟสประมาณ 120 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทในประเทศไทยยังถือเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียนของบริษัทแม่ประเทศออสเตรเลีย โดยส่งออกไปแล้วในหลายประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว ฮ่องกง จีน รวมถึงจำหน่ายในประเทศไทย และมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

จากการเริ่มทำตลาดสินค้าแอร์สวิทช์ต่อด้วยหลอดไฟแอลอีดีแบรนด์ไพร่า บริษัทยังตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ประกอบการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการเตรียมขยายตลาดสินค้ากลุ่มใหม่ อย่าง การบริหารพลังงานและแสงสว่างรวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจโซลาร์เซลล์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีสินค้า 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มวิดีโอคอมมานด์ 2.กลุ่มแสงสว่าง 3.หลอดไฟแอลอีดี และ 4.โซลาร์อินเวอร์เตอร์ หรืออุปกรณ์อินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงสัญญาณจากพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นกระแสไฟฟ้า