ร้านค้า-โรงแรมผนึกปั้น ‘ประตูน้ำ’เป็นเดสติเนชั่น

หลังจากกลุ่มผู้ประกอบการค้าส่งในย่านประตูน้ำออกมารวมตัวกันภายใต้สมาคมผู้ประกอบการศูนย์ค้าส่งแฟชั่นย่านประตูน้ำ เพื่อพัฒนาธุรกิจในย่านประตูน้ำให้เป็นเดสติเนชั่นของกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องแวะมาจับจ่ายใช้สอย ความคืบหน้าล่าสุด สมาชิกภายในสมาคมมีแผนที่จะร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกันเพื่อโปรโมทย่านประตูน้ำ

ขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้ามาเช่าและเซ้งร้านจำหน่ายสินค้า ยิ่งในยามเศรษฐกิจฝืดเคืองในขณะนี้ มีความจำเป็นอย่างมากที่เจ้าของศูนย์ค้าส่งต้องออกมาทำกิจกรรมช่วยเหลือ

แม้ว่าขณะนี้การหารือของสมาชิกในสมาคมผู้ประกอบการศูนย์ค้าส่งแฟชั่นย่านประตูน้ำจะยังไม่ตกผลึกว่าจะมีการจัดกิจกรรมอะไรร่วมกัน เพื่อโปรโมทและดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาช็อปปิ้งในย่าน แต่จากแนวความคิดที่จะทำในหลายสิ่ง เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน การปิดถนนในย่านประตูน้ำเพื่อจำหน่ายสินค้า และจัดงานเคาต์ดาวน์ของย่านเหมือนกับย่านราชประสงค์ ถือเป็นสัญญาณดีในการสร้างความคึกคักให้กับธุรกิจการค้าย่านประตูน้ำ

ศิริชัย ประพันธ์ธุรกิจ นายกสมาคมผู้ประกอบการศูนย์ค้าส่งแฟชั่นย่านประตูน้ำ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีหรือเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ทางผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคม ซึ่งประกอบด้วย เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์, แกรนด์ไดมอนด์พลาซ่า, ชิบูญ่า ประตูน้ำ, ห้างกรุงทองพลาซ่า,อินทราสแควร์, วอเตอร์เกต พาวิลเลียน และศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง มีแผนที่จะจับมือร่วมกันเพื่อประดับไฟจำนวน 30 เส้น ตลอดแนวอาคารของสมาชิกในธีมเดียวกัน เพื่อสร้างความสวยงามให้กับย่านประตูน้ำ

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมลานเบียร์และถนนคนเดิน เพื่อสร้างสีสันและความคึกคักให้กับย่านประตูน้ำ ซึ่งการออกมาจัดกิจกรรมดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกที่สมาชิกของสมาคมได้ออกมาจับมือร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการในย่านประตูน้ำเพิ่มขึ้น ด้วยการจับมือร่วมกันพัฒนาธุรกิจในย่านประตูน้ำ ภายใต้สมาคมผู้ประกอบการศูนย์ค้าส่งแฟชั่นย่านประตูน้ำ

พัฒนา พร้อมพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเวอร์ซี คอนสตรัคชั่น ผู้พัฒนาโครงการวอเตอร์เกต พาวิลเลียน ศูนย์การค้าส่ง-ปลีกในย่านประตูน้ำ กล่าวว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในย่านประตูน้ำมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี ธุรกิจในย่านประตูน้ำถือเป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง เนื่องจากภายในย่านนี้ไม่ได้มีแค่ธุรกิจศูนย์ค้าส่ง ที่มีผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่าเข้ามาเช่าพื้นที่ขายเพียงอย่างเดียว แต่มีผู้ประกอบการรายย่อยที่อยู่ตามตรอกซอกซอยต่างๆ อีกจำนวนมาก หากนำจำนวนผู้เช่าที่อยู่ภายในศูนย์การค้าส่งที่มากกว่า 5,000 ราย มาร่วมกับผู้ค้ารายย่อยที่อยู่ในซอยต่างๆ ก็จะมีผู้ค้ารายย่อยในย่านมากกว่า 1 หมื่นราย

นอกจากนี้ ในย่านประตูน้ำยังมีโรงแรมระดับ 2 ดาวถึง 4 ดาวครึ่งเปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากนับจำนวนห้องพักที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันคาดว่ามีมากกว่า 5,000 ห้อง และอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่เฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 80% หรือมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักตามโรงแรมต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 3-4 ล้านคน/ปี ส่งผลให้โรงแรมในย่านประตูน้ำติดท็อปทรีของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศ และหากนำมารวมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยที่เข้ามาใช้บริการในย่านประตูน้ำ จะมีจำนวนผู้ที่เข้ามาในย่านนี้มากกว่านักท่องเที่ยวที่เข้าพักตามโรงแรมต่างๆ กว่า 3-4 เท่าตัว

พัฒนา กล่าวต่อไปว่า จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องออกมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของศูนย์ค้าส่ง-ปลีกวอเตอร์เกต พาวิลเลียน ด้วยการชูจุดขายของศุูนย์เป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นแฟนซี เช่น ชุดคาเบเรต์ คอสเพลย์ ลีลาส เครื่องประดับที่เกี่ยวข้อง และเครื่องสำอาง เป็นต้น  

ด้าน อัญชลี ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ กรุงทองพลาซ่า กล่าวว่า ในช่วงเดือน พ.ย.นี้ บริษัทได้จัดกิจกรรมเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นปี 2559 กับเซตเสื้อผ้า 12 สไตล์ นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ขณะที่เดือน ธ.ค. ก็มีแผนที่จะจัดโปรโมชั่นส่งท้ายปี ด้วยการคืนกำไรให้ลูกค้า ด้วยการนำสินค้ากว่า 1 ล้านชิ้น มาจำหน่ายในราคาลดสูงสุด 80%

จากแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่กำลังปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อัญชลี กล่าวว่า บริษัทต้องเร่งปรับกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการแข่งขันรุนแรง โดยจะเพิ่มกลยุทธ์บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า เน้นเจาะลูกค้าประจำ ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้ากว่า 5,000 ราย มียอดใช้จ่ายสม่ำเสมอ 40-45%

การออกมาปรับแผนเชิงรุกของผู้ประกอบการในครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้ย่านประตูน้ำกลายเป็นเดสติเนชั่นของกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวต้องมาแน่