posttoday

นักธุรกิจพันธุ์ใหม่

22 กันยายน 2558

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

ความรุ่งเรืองของย่านการค้าสำเพ็งแหล่งค้าส่งที่ใหญ่ของประเทศไทย ขณะที่ก่อให้เกิดธุรกิจของคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับร้านปาป๊า กิ๊ฟแลนด์ ที่ฟันฝ่าอุปสรรคและใช้เวลา 8 ปี สร้างสาขาในย่านสำเพ็งได้ถึง 3 สาขา ที่มีแนวคิดบริหารร้านให้มีดีไซน์โดดเด่น แปลกใหม่ และแตกต่าง

“กิตติพงษ์ เพชรประเสริฐผล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปาป๊า กิ๊ฟแลนด์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารร้าน ปาป๊า กิ๊ฟแลนด์ (Papa Giftland) และ ปาป๊า กิ๊ฟช็อป เปิดเผยว่า ได้เริ่มเปิดร้านเป็นการเช่าแผงเล็กๆ ในย่านสำเพ็งเป็นร้านแรกในปี 2551 โดยเลือกสินค้าที่มีไอเดียมาวางจำหน่ายและเป็นสินค้าที่มีความแตกต่างจากร้านอื่นๆ รวมถึงมีราคาไม่แพง ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มรู้จักร้านมากขึ้น

ต่อมาในปี 2553 จึงได้ตัดสินใจลงทุนซื้อตึกเพื่อเปิดร้านปาป๊า กิ๊ฟแลนด์ สาขาแรก ที่เป็นการกู้เงินจากธนาคารมาลงทุน เพื่อซื้อตึกสาขาแรกและใช้ระยะเวลาไม่กี่ปีก็สามารถใช้หนี้ที่กู้ยืมมาลงทุนได้ทั้งหมด ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาจากการที่ได้เลือกดูแลร้านและบริหารงานเอง จึงทราบความต้องการของลูกค้า

“หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ก็เดินทางไปประเทศจีนเพื่อดูตลาดสินค้า ไปดูงานแฟร์ จึงสนใจลงทุนนำเข้าสินค้าจากจีนเข้ามาในไทย เพราะสินค้าที่มีไอเดียยังไม่มีในประเทศ และลงทุนทำธุรกิจที่สำเพ็ง เป็นแหล่งค้าส่งแหล่งใหญ่ของประเทศ และเงินก้อนแรกที่ได้ลงทุนมาจากครอบครัวที่พร้อมสนับสนุนมาทำธุรกิจแรกในชีวิต” กิตติพงษ์ กล่าว

การทำธุรกิจที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองผสมกับความรู้ที่เรียนมา ได้ลองผิด ลองถูก เพราะมีช่วงที่นำเข้าสินค้ากล่องโลโมจากประเทศจีนมาจำหน่าย แต่ขายไปมานานก็ต้องเลิกขาย เพราะไม่ได้รับความนิยม ทำให้ร้านต้องกลับมาหาสินค้าที่เหมาะสม คือ เลือกสินค้าที่คนไทยชื่นชอบ โดยสินค้าแฟชั่นจะมาเร็วและเปลี่ยนแปลงเร็วเสมอ ต้องติดตามเทรนด์และตลาดให้ทัน

สาขาสองได้เปิดในปี 2557 ที่ผ่านมา และสาขาสามในปี 2558 ชื่อร้าน ปาป๊า กิ๊ฟช็อป พร้อมขยายสินค้าที่จำหน่ายเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ของเล่น ตุ๊กตา และสินค้าไอเดีย รวมทั้งได้มีการออกแบบสินค้าเองบางกลุ่มจากทีมงานภายในและสั่งให้คู่ค้าผลิตสินค้าตามแบบที่ต้องการ ที่ผ่านมายอดขายในร้านขยายตัวกว่า 10%

“กิตติพงษ์” กล่าวว่า ธุรกิจที่มีสาขารวม 3 ร้านในสำเพ็งและมีพนักงานรวมกว่า 20 คน ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่อายุ 20-30 ปี ผู้บริหารเป็นคนในครอบครัว รวมถึงน้องชาย “สุทธิพงษ์ เพชรประเสริฐผล” ที่เข้ามาบริหารร้าน ถือเป็นธุรกิจครอบครัว แต่วางรูปแบบเป็นบริษัท ปรับองค์กรภายใน รวมถึงปีที่ผ่านมาปรับองค์กรครั้งใหญ่ ได้วางระบบโปรแกรมใหม่ บาร์โค้ดสินค้า มีการเทรนนิ่งพนักงาน

รวมทั้งในปีนี้จะขยายช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์เต็มรูปแบบและปีต่อไปจะมีฝ่ายขาย รุกหาลูกค้ารายใหม่ในต่างจังหวัด เชื่อว่ามีหลายจังหวัดที่มีศักยภาพขยายตลาดได้อีกมาก กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นนักศึกษาและวัยรุ่น

“กิตติพงษ์” กล่าวต่อว่า การแข่งขันในย่านสำเพ็งยังรุนแรงต่อเนื่อง เพราะหลังจากร้านนำสินค้าที่มีไอเดียมาจำหน่าย ก็มีรายอื่นนำสินค้าใกล้เคียงกันมาวางจำหน่าย แต่บริษัทมีจุดแข็งที่ติดต่อโดยตรงกับคู่ค้าในจีนที่ทำธุรกิจมานาน มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเข้มงวด มีจุดเด่นที่มีสินค้าใหม่นำเข้ามาทุกสัปดาห์ และตรวจสอบสินค้าก่อนส่งให้ลูกค้า ซึ่งคำว่า คุณภาพ การบริการ และการดูแลลูกค้าบริษัทให้ความสำคัญสูงสุด

อีกทั้งในปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงและต้นทุนการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น รวมต้นทุนทั้งหมดขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ทำให้ต้องปรับแผนการสต๊อกสินค้าให้รอบคอบ มีการปรับขึ้นราคา และเลือกขายสินค้าที่ได้รับความนิยม

“กิตติพงษ์” กล่าวย้ำว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาที่เริ่มจากการเปิดร้านเล็กๆ มาจนถึงร้านใหญ่จำนวน 3 ร้านและเปิดบริษัท มีปัญหาที่เจอและให้แก้ไขตลอด ต้องอดทน แต่เชื่อมั่นว่า เมื่อเจอปัญหาก็ต้องแก้ไข ทำงานให้สนุก และทำให้ดีที่สุด แผนระยะยาวอยากสร้างโรงงานเพื่อผลิตสินค้าเองและหาโอกาสลงทุนใหม่

หากมีไอเดียในการทำธุรกิจแล้วก็สามารถต่อยอดแนวคิดสู่ธุรกิจได้อย่างหลากหลาย

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"