posttoday

ขอลดค่าอุปการะเลี้ยงดูได้หรือไม่

17 กันยายน 2558

ปัจจุบันสามีภริยามีปัญหาครอบครัวกันมากขึ้น ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้

ปัจจุบันสามีภริยามีปัญหาครอบครัวกันมากขึ้น ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้

1.มีหนี้สินมาก ทำให้เงินทองไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว

2.ส่งลูกเรียนโรงเรียนเอกชนหรือโรงเรียนนานาชาติ ค่าเทอมแพง เมื่อตกงานหรือฐานะทางการเงินเปลี่ยนไป ทำให้เกิดข้อพิพาทในครอบครัว

3.คู่สมรสนอกใจกัน นำเงินสินสมรสหรือเงินเดือนไปเลี้ยงดูชู้ เหลือเงินไม่เพียงพอดูแลครอบครัว

4.ความหึงหวงในกรณีคู่สมรสเป็นคนหน้าตาดี มีเพศตรงข้ามมาติดพันหรือติดต่องานด้วย ทำให้เกิดระแวง สงสัยกัน รวมทั้งมีการทำร้ายร่างกาย บางรายถึงกับฆ่ากันตามที่เป็นข่าว

ด้วยเหตุผลดังที่ทนายคลายทุกข์อธิบายมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าปัญหาของครอบครัวปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งคือ เรื่องเงิน โดยเฉพาะค่าอุปการะเลี้ยงดูที่สามีภริยาต้องอุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน รวมทั้งต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่เกิด จนกระทั่งบรรลุนิติภาวะ ทนายคลายทุกข์ทำคดีเกี่ยวกับครอบครัวมาหลายคดี จึงขอนำตัวอย่างคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลและที่ศาลเคยพิจารณาคดีมาแล้วเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดู ดังนี้

1.กรณีหย่าด้วยความยินยอม มีการตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูท้ายทะเบียนหย่า หากฝ่ายสามีหรือภริยาฐานะเปลี่ยนไปจ่ายไม่ได้ก็ไปขอใช้สิทธิทางศาล ขอลดค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ และจะขอเพิกถอนอำนาจปกครองก็ยังทำได้

2.ถ้ามีการฟ้องร้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวแล้ว สามีและภริยาตกลงค่าเลี้ยงดูกันเป็นกิจจะลักษณะแล้ว จะมาขอลดจำนวนเงินลงไม่ได้ เพราะถือเป็นหนี้ค้างชำระ ไม่ใช่หนี้ที่จะต้องชำระในอนาคต หากผิดนัดชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม ก็จะถูกบังคับคดียึดทรัพย์สินทันที

ตัวอย่างคดีที่ผ่านมา

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6949/2550

การที่จำเลยไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เป็นหนี้ค้างชำระตามข้อสัญญาประนี ประนอมยอมความ ไม่ใช่หนี้จะพึงชำระในอนาคต จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะขอเพิกถอนหรือลดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1598/39 วรรคหนึ่ง ได้

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนี ประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลย โดยจำเลยตกลงชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสี่คนให้แก่โจทก์จำนวน 400,000 บาท ภายในเดือน ส.ค. 2546 หากไม่ชำระยอมให้บังคับคดีได้ทันที พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ต่อมาขอลดเหลือ 200,000 บาท

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4681/2552

การที่บุคคลจะเสนอคดีต่อศาลส่วนแพ่งโดยการยื่นเป็นคำฟ้องหรือคำร้องขออย่างหนึ่งอย่างใด มิได้พิจารณาว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่มีทุนทรัพย์ ตามคำร้องขอของผู้ร้องนอกจากมีคำขอให้ลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์แล้ว ยังขอให้มีคำสั่งถอนอำนาจปกครองของ ป. และแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย อันส่งผลกระทบต่อค่าอุปการะเลี้ยงดู เพราะหากศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้ร้องก็ไม่จำต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์แก่ ป. ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าอีกต่อไป ซึ่งศาลมีอำนาจแก้ไขได้ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และถือได้ว่าคำขอให้ถอนอำนาจปกครองและแต่งตั้งผู้ใช้อำนาจปกครองคนใหม่เป็นคำขอหลัก ส่วนคำขอให้ลดค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นคำขอรอง

นอกจากนี้ แม้ตามข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าจะกำหนดให้ ป. เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่ถ้าภายหลังพึงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้ใช้อำนาจ ศาลก็มีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1521 ประกอบมาตรา 1566 (5) แต่บทบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดวิธีการที่คดีจะมาสู่ศาล แสดงว่าบทบัญญัติดังกล่าวประสงค์จะให้คดีขึ้นสู่ศาลได้โดยทำเป็นคำฟ้องอย่างคดีมีข้อพิพาทและทำเป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทได้ด้วย ผู้ร้องจึงชอบที่จะเสนอคดีขอให้ถอนอำนาจปกครองและแต่งตั้งผู้ใช้อำนาจปกครองคนใหม่โดยทำเป็นคำร้องขอ รวมทั้งชอบที่จะเสนอคดีขอให้ลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งเกี่ยวเนื่องกันเข้ามาในคำร้องขอฉบับเดียวกันได้

ป.พ.พ. มาตรา 1598/39 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อผู้มีส่วนได้เสียแสดงว่าพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของคู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั่งแก้ไขในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยให้เพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกก็ได้ ดังนั้น แม้บันทึกท้ายทะเบียนการหย่าจะกระทำขึ้นโดยชอบด้วยความสมัครใจของคู่กรณี ถ้าต่อมาพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของคู่กรณีเปลี่ยนแปลงไป ศาลก็มีอำนาจแก้ไขในเรื่องดังกล่าวได้ตามบทบัญญัติดังกล่าว

ตัวบทกฎหมายอ้างอิงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1598/39 เมื่อผู้มีส่วนได้เสียแสดงว่าพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของคู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั่งแก้ไขในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยให้เพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกก็ได้

ในกรณีที่ศาลไม่พิพากษาให้ค่าอุปการะเลี้ยงดู เพราะเหตุแต่เพียงอีกฝ่ายหนึ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ในขณะนั้น หากพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป และพฤติการณ์รายได้หรือฐานะของผู้เรียกร้องอยู่ในสภาพที่ควรได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดู ผู้เรียกร้องอาจร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งในคดีนั้นใหม่ได้

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2