ทายาทรุ่น 3 STA บริหารแบบพี่น้องพาบริษัทสู่เป้าหมาย
โดย...ประลองยุทธ ผงงอย
โดย...ประลองยุทธ ผงงอย
บริษัท ศรีตรังแอโกร อินดัสทรี (STA) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางพาราที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน หลังจากเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2530 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2534 ขณะนี้มีทายาทรุ่นที่ 3 มารับไม้ต่อ “วีรสิทธิ์ สินเจริญกุล” ลูกชายของ “ไวยวุฒิ สินเจริญกุล” กรรมการผู้จัดการ STA คนปัจจุบัน
วีรสิทธิ์ วัย 30 ปี เล่าว่า ธุรกิจของ STA เริ่มก่อตั้งตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ปัจจุบันมีคุณพ่อมาคุมทัพนั่งเป็นเบอร์ 1 ขององค์กรรับช่วงบริหารต่อ โดยในปี 2532 เริ่มต่อยอดธุรกิจมาผลิตถุงมือยางพารา และในปี 2536 ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรคู่ค้าจากประเทศญี่ปุ่นถึงปัจจุบันเป็นพัฒนาการหลักของบริษัท
ผู้บริหารหนุ่ม เล่าต่อว่า ตัวเองจบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ The University of Reading ประเทศอังกฤษ สาเหตุที่เรียนสาขานี้ เพราะความชอบส่วนตัวในช่วงนั้น แต่หลังจบการศึกษากลับมีความไม่ชอบในสิ่งที่เรียนมา แต่สนใจด้านการเงิน จึงเริ่มทำงานที่แรกที่ธนาคารกสิกรไทย ในแผนกสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ มีลูกค้า อาทิ กลุ่มบริษัทในเครือ ปตท. บริษัท บางจากปิโตรเลียม (BCP) ระหว่างปี 2551-2554 จากนั้นได้ลาออกจากงานเพื่อเรียนต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจ (การเงิน และการตลาด) สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลังจากจบปริญญาโทในปี 2556 จึงตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะกลับมาช่วยงานของครอบครัวที่ STA เพราะเห็นธุรกิจเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จึงมีความท้าทายในการทำงานโดยทางครอบครัวไม่ได้บังคับ ให้อิสระในการตัดสินใจ จึงเข้ามาทำงานในตำแหน่งกรรมการบริหาร ถือเป็นงานลำดับที่ 2 ในชีวิต และยังมีน้องชายอีก 2 คน ซึ่งไปหาประสบการณ์จากการทำงานจากภายนอก ต่างกลับเข้ามาช่วยงานของครอบครัวทั้งหมดแบ่งเป็นงานดูแลด้านการตลาดและเทรดดิ้ง ส่วนอีกคนจะเป็นเซลขายถุงมือยางพารา
ส่วนตัวเองเข้ามารับหน้าที่ในการดูแลระบบจัดการภายใน (แบ็กออฟฟิศ) เป็นหลัก โดยมีงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการลงทุน กฎหมาย การเงิน รวมถึงรับผิดชอบโครงการต่างๆ ที่เข้ามา อีกทั้งมีงานซีเอสและดูแลแบรนด์ดิ้ง
สำหรับความแตกต่างระหว่างงานทั้งสองแห่ง คือ งานที่ธนาคารกสิกรไทยจะเป็นงานแบบวันต่อวัน มีผู้กำหนดนโยบายหรือสั่งงานมาให้ทำ ส่วนงานที่ STA จะเป็นงานเชิงกลยุทธ์ กลับข้างกัน ผู้สั่งงานหรือกำหนดนโยบายให้ทีมงานไปทำงานหรือทำแผนข้อมูลมาเสนอให้พิจารณาตัดสินใจในที่ประชุมงาน ส่วนงานวิเคราะห์สินเชื่อจะคล้ายกับการวิเคราะห์หุ้นต้องวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน เพื่อประเมินสถานะ ความเสี่ยงของลูกค้าที่มายื่นขอสินเชื่อ และคิดอัตราดอกเบี้ยเหมาะสมปล่อยกู้ที่เท่าไหร่ ส่วนรายละเอียดของงานที่ STA จะเป็นผู้ร่วมกำหนดภาพรวมกลยุทธ์ขององค์กรในเชิงธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต ภาพลักษณ์ที่ดี วางนโยบายของทีมงานที่ทำงานรายวัน จึงเป็นงานที่มีความท้าทายมากขึ้นเพราะถือเป็นหนึ่งในหัวเรือที่ต้องนำพาบริษัทให้เดินไปข้างหน้า
วีรสิทธิ์ ยึดหลักการในการทำงานว่า ทุกคนในบริษัทเป็นพี่น้องกัน ไม่มีหัวหน้าข่มลูกน้อง ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และพนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ทำงานร่วมกันมาประมาณ 30 ปี จึงคุ้นเคยกันอย่างดี ทำให้ทุกๆ คนมีส่วนร่วม โดยมีเป้าหมายสำคัญในการนำพาองค์กรให้เติบโตไปข้างหน้าด้วยกัน


