'ราชาเฟอร์รี่'รอตลาดเอื้อขายไอพีโอ
“ท่าเรือราชาเฟอร์รี่” ชูจุดแข็งไม่เร่งขายไอพีโอเผยอยู่ในขั้นตอนพิจารณาไฟลิ่งของ ก.ล.ต.
“ท่าเรือราชาเฟอร์รี่” ชูจุดแข็งไม่เร่งขายไอพีโอเผยอยู่ในขั้นตอนพิจารณาไฟลิ่งของ ก.ล.ต.
นางปิ่นมณี เมฆมันฑนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเชอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ เปิดเผยว่า แบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของราชาเฟอร์รี่ว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในชั้นการตรวจสอบกระดานทำการ ซึ่งอยู่ใน 45 วันของการทำคำขอเสนอขายหุ้นให้มีผลอนุมัติ
สำหรับภาวะตลาดไม่เอื้อต่อการขายหุ้น ซึ่งตามกำหนดการคาดเสนอขายหุ้นภายในไตรมาส 3 นี้ นางปิ่นมณี กล่าวว่า ไม่กังวลการเสนอขายหุ้นเพราะถึงเวลานั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยต้องพิจารณาร่วมกับบริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ อีกที แต่ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว
“เราไม่ได้ซีเรียสเวลาการขายหุ้น ถึงเวลานั้นจริงๆ ปรับเปลี่ยนได้ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับเจ้าของ ขอทำงานตามขั้นตอนไปก่อน” ที่ปรึกษาการเงิน กล่าว
นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ กล่าวว่า บริษัทต้องการระดมทุนเพื่อนำไปซื้อเรือเฟอร์รี่ใหม่ 1 ลำ มูลค่า 200-300 ล้านบาท รองรับการขนส่งและผู้โดยสาร ปัจจุบันมีเรือเฟอร์รี่มากที่สุดในประเทศ 12 ลำ ถือเป็นจุดแข็งของบริษัท วิ่งเส้นทางดอนสัก-เกาะสมุย ไป-กลับ 30 เที่ยว และดอนสัก-เกาะพะงัน ไป-กลับ 12 เที่ยว
อนาคตอยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มเส้นทางใหม่ เกาะเต่า-พะงัน ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีแนวโน้มเติบโตตามเกณฑ์การเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ ต้องมีชุมชน 2,000 ครัวเรือน การเติบโตทางธุรกิจ เช่น โรงแรม รีสอร์ท ระยะทางการวิ่งเรืออย่างน้อย 30 กิโลเมตร เวลาวิ่งเรือ 1.5-2 ชั่วโมง และการเป็นมิตรของชุมชนต่อธุรกิจท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ
“เกาะพะงันกำลังจะโตเร็วเหมือนเกาะสมุย ที่มีสายการบินลง เป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดี คือ ใกล้เกาะเต่า แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่า ฉะนั้นถ้าจะเพิ่มเส้นทางใหม่ๆ บริษัทต้องมีเรือเพิ่มอย่างน้อย 1-2 ลำ” นายอภิชาติ กล่าว
สำหรับรายได้หลักของบริษัทเกือบทั้งหมดมาจากการขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุก่อสร้าง โดยเรือเฟอร์รี่และต้นทุนพลังงานเป็นต้นทุนหลัก 45-60% ของค่าใช้จ่าย ผลประกอบการที่ผ่านมาเติบโตปีละ 5% คาดว่าภายหลังการระดมทุนมีการเพิ่มเรือใหม่ ตลอดจนขยายเส้นทางเดินเรือใหม่หรือมีท่าเรือเพิ่ม โตได้ปีละ 10% แต่ละปีมีรายได้ 650-700 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 10% ของรายได้ ซึ่งปี 2557 มีรายได้ 665 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 85 ล้านบาท ไตรมาสแรก ปี 2558 มีรายได้ 156 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 29 ล้านบาท กำไรสะสมกว่า 300 ล้านบาท ที่ผ่านมา 2 ปี ได้เริ่มจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นคิดเป็น 50% ของกำไรสุทธิ
“บริษัทมีหนี้สินเพียง 180 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ระยะยาว มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำไม่ถึง 1 เท่า มีความสามารถในการขอสินเชื่อ สินทรัพย์หลัก คือ เรือและที่ดินหน้าท่า บริษัทมีท่าเรือส่วนตัวที่ดอนสัก-สมุย”
ปัจจุบันท่าเรือราชาเฟอร์รี่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 132 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ 100% โดยครอบครัวชโยภาสและหลัง IPO ลดสัดส่วนเหลือ 70% ซึ่งมีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 38 ล้านหุ้น
นายอภิชาติ กล่าวว่า ระยะเวลาการขายหุ้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ขณะนี้ไม่สามารถกำหนดได้
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก 165 วัน สำนักงาน ก.ล.ต. จะต้องตอบรับหรือปฏิเสธแบบแสดงข้อมูลการเสนอขายหุ้น


