เจน 2 อมรินทร์บุ๊ค พลิกโฉมนายอินทร์เจาะคนรุ่นใหม่

ตลอดระยะเวลา 22 ปี ที่ร้านนายอินทร์เปิดให้บริการ ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอด และเพื่อก้าวสู่อนาคตของการเป็นผู้นำของตลาดค้าปลีกหนังสือ ร้านนายอินทร์จึงต้องออกมาปรับโฉมร้านครั้งใหญ่ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ด้วยการแปลงโฉมจากร้านหนังสือนายอินทร์ ให้เป็นเหมือนสถานที่แฮงเอาต์ของคนรุ่นใหม่ในรูปแบบของไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์

สำหรับคอนเซ็ปต์ที่บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ ชูเป็นจุดขายของการปรับโฉมในครั้งนี้ คือ “ใครๆ ก็อ่านหนังสือที่ร้านนายอินทร์” เพื่อเอาใจคนเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตจะอยู่นอกบ้าน และเพื่อให้การบริการเจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม จึงต้องมีการปรับการบริการภายในร้าน ด้วยการเพิ่มบริการ 3 โซนใหม่ขึ้นมา คือ โซนคิดส์สเตชั่น โซนติวเตอร์ และโซนฮาวทู คอร์เนอร์

ผู้ที่กุมบังเหียนของการปลุกปั้นธุรกิจร้านนายอินทร์ให้ก้าวต่อก็ไม่ใช่ใครอื่น คือ ระพี อุทกะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานค้าปลีก บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ ทายาทผู้ก่อตั้งธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือเครืออมรินทร์

ระพี กล่าวว่า กลยุทธ์เชิงรุกที่บริษัทจะนำมาใช้นับจากนี้ คือ การนำเสนอบริการใหม่ๆ ภายในร้านนายอินทร์ ด้วยการเปิดตัวโซนพิเศษภายในร้าน เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มที่ต้องการจะเข้าไปทำตลาด ประกอบด้วย 1.โซนคิดส์ สเตชั่น คือ โซนแห่งการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กในช่วงอายุ 0-6 ขวบ เน้นการเสริมสร้างทักษะการอ่าน ด้วยการจัดหนังสือสำหรับเด็ก พร้อมของเล่นและ
สิ่งประดิษฐ์เสริมการเรียนรู้

โซนที่ 2 คือ โซนติวเตอร์ จะเป็นโซนแห่งการแบ่งปันความรู้ ที่ทางร้านนายอินทร์เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ใช้พื้นที่พร้อมอุปกรณ์ในการอ่านหนังสือเป็นการติวเข้มในวันหยุด และเวลาว่างระหว่างเพื่อน หรือครูและลูกศิษย์ ส่วนโซนที่ 3 คือ โซนฮาวทู คอร์เนอร์ ศูนย์รวมหนังสือเชิงจิตวิทยา หนังสือที่เป็นแนวคิดหรือกลยุทธ์เชิงการทำธุรกิจ ตลาด หรือหุ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้เทคนิค ขั้นตอน และวิธีการในการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพื่อความสำเร็จในเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ ระพียังได้มีการปฏิวัติวงการธุรกิจค้าปลีกหนังสือ ด้วยการเปิดตัว “บุ๊กเมท” เพื่อนรักนักอ่าน ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายบรรณารักษ์ส่วนตัวให้คำแนะนำ คำปรึกษาเกี่ยวกับหนังสือประเภทต่างๆ ที่ลูกค้าสนใจอย่างละเอียด รวมถึงค้นหาหนังสือที่ต้องการ

“บุ๊กเมททุกคนของร้านนายอินทร์ จะได้รับการฝึกอบรบหลักสูตร ‘ความรู้พื้นฐานและการใช้หนังสือภาพสำหรับเด็ก’ จากสาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งกว่าจะเข้ามาทำงานเป็นบุ๊กเมทได้ต้องมีการฝึกอบรมความรู้มาไม่ต่ำกว่า 1 ปี” ระพี กล่าว

อีกหนึ่งบริการที่ระพีจะนำมาเป็นจุดขายของร้านนายอินทร์ในปีนี้ คือ การเปิดให้บริการ “นายอินทร์ ดิจิทัช” (Naiin DigiTouch) บริการด้านออนไลน์ด้วยตัวเองผ่านเครื่องอัตโนมัติแบบทัชสกรีนที่ติดตั้งภายในร้าน ให้บริการในด้านของการค้นหาข้อมูล และพรีวิวหนังสือก่อนการตัดสินใจ

พร้อมกันนี้ ยังมีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “Naiin Pann” (นายอินทร์ ปัณณ์) โลกแห่งหนังสือออนไลน์ ในรูปแบบ e-Book และ e-Magazine ที่มีมากกว่า 1.5 หมื่นเล่ม จากกว่า 400 สำนักพิมพ์ชื่อดัง ให้ลูกค้าเลือกอ่านได้อย่างจุใจ โดยสามารถดาวน์โหลดฟรีได้ทั้งในระบบแอนดรอยด์ ไอโอเอส และพีซี รวมถึงการพัฒนาเว็บไซต์ Naiin.com และเพื่อเพิ่มความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้าร้านนายอินทร์ยังมีการบริการจัดส่งถึงบ้าน

“ในโอกาสฉลองครบ 22 ปี ร้านนายอินทร์ บริษัทได้จัดให้มีตัวแมสคอตขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ ‘น้องอินทร์’ เพื่อเป็นตัวแทนร้านนายอินทร์ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งหลังจากเปิดตัวแมสคอต ในเร็วๆ นี้บริษัทก็มีแผนที่จะเปิดตัว Line Official ‘ร้านนายอินทร์’ ให้ผู้สนใจได้ดาวน์โหลดฟรี เพื่อตอกย้ำว่าร้านนายอินทร์จะเป็นเพื่อนนักอ่านในทุกที่ทุกเวลา” ระพี กล่าว

สำหรับแผนการขยายสาขาของร้านนายอินทร์ปีนี้ จะเปิดร้านใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 สาขา จากปัจจุบันมีร้านนายอินทร์เปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 200 สาขา ภายใต้งบลงทุนสาขาละประมาณ 1-2 ล้านบาท ซึ่งจำนวนสาขาใหม่ที่จะทำการเปิดให้บริการในปีนี้ ถือว่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังมีปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจให้น่าเป็นห่วง

นอกจากนี้ ร้านนายอินทร์ยังได้จับมือร่วมกับพันธมิตรบัตรเครดิตเคทีซี จัดโปรโมชั่น ผ่อน 0% นาน 3 เดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายครบ 2,500 บาท พร้อมเตรียมโปรโมชั่นต่างๆ ไว้ดึงดูดความสนใจและกระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้า ซึ่งระพี บอกว่า จะเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในร้านนายอินทร์อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ระพียังมีแผนที่จะเพิ่มกลยุทธ์เชิงรุก ด้วยเปิดตัวโปรเจกต์ร้านนายอินทร์สัญจร จัดมหกรรมการขายหนังสือไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้านอกเหนือจากการขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว

“เป้าหมายสูงสุดของการบริหารร้านนายอินทร์ คือ จะพยายามเปิดร้านนายอินทร์เข้าไปในแหล่งชุมชนต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็จะทำการตลาดให้เข้าถึงตัวกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จตรงตามเป้าหมายที่วางไว้” ระพี กล่าว

หลังจากออกมาทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเปิดร้านนายอินทร์สาขาใหม่ ระพี มั่นใจว่า สิ้นปีจะมีรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมายที่ 7-8% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีรายได้ 1,650 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าขณะนี้ยังมีปัจจัยลบด้านกำลังซื้อให้น่าเป็นห่วง แต่ระพีก็มั่นใจว่า กลยุทธ์ที่เลือกนำมาใช้จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและกระตุ้นความสนใจได้เป็นอย่างดี