J-Girlie แอกเซสซอรี่ย้อนยุค
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
“ตลาดนัดจตุจักร” อีกหนึ่งย่านการค้าใหญ่ที่ติดอันดับสถานที่จับจ่ายยอดฮิตในวันหยุดสุดสัปดาห์ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จากสารพัดทั้งของกิน ของใช้ ของตกแต่งบ้าน และกลุ่มสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสินค้าไอเดียความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ใช้ย่านการค้าแห่งนี้เป็นแหล่งแนะนำแบรนด์สู่ตลาดปณิธี สมถวิล หรือ “คุณจูน” เจ้าของธุรกิจร้านเครื่องประดับ J-Girlie Vintage กลุ่มสินค้าแอกเซสซอรี่แสนหวานแนวย้อนยุค ที่ชูจุดเด่นจากการนำผ้าและดอกไม้ประดิษฐ์ชนิดต่างๆ มาร่วมออกแบบในตัวสินค้าภายใต้แนวคิดย้อนยุค (วินเทจ) ที่ให้อารมณ์อ่อนหวาน เรียบหรู และคลาสสิกในเวลาเดียวกัน
พร้อมเล่าย้อนที่มากิจการส่วนตัวนี้เริ่มขึ้นเมื่อราว 8 ปีก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเธอเองก็เคยเป็นพนักงานบริษัททั่วไป แต่อยากหารายได้พิเศษเพิ่มบวกกับมีความสามารถส่วนตัวด้านงานแฮนด์เมด จากการนำดอกไม้ ลูกไม้ต่างๆมาทำเป็นชิ้นงานของประดับตกแต่งร่างกายประเภทต่างๆ
ในช่วงแรกของการทำสินค้าดังกล่าว ก็เริ่มมองหาหน้าร้านที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ด้วยเห็นว่าตลาดแห่งนี้ถือเป็นย่านการค้ากลุ่มสินค้าไอเดีย มีแนวความคิดสร้างสรรค์ที่กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มักคิดถึงเป็นอันดับแรกๆ โดยทำสินค้าไปพร้อมกับการสร้างแบรนด์สินค้า “J-Girlie” พร้อมกัน
ส่วนที่มาของชื่อแบรนด์นั้น ก็มาจากชื่อเล่นของเธอที่ใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ คือ ตัวเจ ส่วนเกิร์ลลี่ เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นหญิงสาว ที่นำสองคำมารวมกันเพื่อสะท้อนถึงความเป็นแบรนด์สินค้าของประดับของตกแต่งสำหรับสาวๆ ได้อย่างลงตัว
“การทำตลาดเครื่องประดับของแบรนด์เจ-เกิร์ลลี่ในช่วงแรกได้การตอบรับเป็นอย่างดีในกลุ่มเป้าหมาย เพราะเป็นสินค้าที่ขายไอเดียมีแบบเฉพาะไม่เหมือนใคร เพราะเป็นงานฝีมือจริงๆ” ปณิธี เล่า
สำหรับสินค้าเครื่องประดับ J-Girlie ที่ทำตลาดในปัจจุบัน อาทิ ที่คาดผม กิ๊บติดผม เข็มกลัด หมวก มงกุฎดอกไม้ และผ้าคลุมหน้าสำหรับเจ้าสาว เน็ตตาข่ายคลุมหน้า และกำไลข้อมือ โดยสินค้ายอดนิยมซึ่งเป็นที่ถูกใจสำหรับสาวๆ เจ-เกิร์ลลี่ จะเป็นมงกุฎดอกไม้ ผ้าคลุมหน้า เป็นต้น โดยวางราคาจำหน่ายสินค้าเริ่มต้นตั้งแต่ 150 บาทต่อชิ้น ไปจนถึงชิ้นละ 1,890 บาท
โดยทางร้านจะทำตลาดทั้งในรูปแบบค้าส่ง ซึ่งมีสัดส่วนราว 30% และกลุ่มลูกค้าปลีกราว 70% รวมถึงกลุ่มลูกค้าประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในแถบเอเชีย อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น ที่ติดอกติดใจในงานฝีมือเครื่องประดับแบรนด์ไทยอย่าง J-Girlie ซึ่งมีทั้งลูกค้าขาจรและขาประจำที่หากมีโอกาสได้มาเมืองไทยอีกก็มักจะแวะกลับมาช็อปที่ร้านทุกครั้ง
นอกจากกลุ่มสินค้าเครื่องประดับแล้ว ทางร้านยังได้ขยายไลน์สินค้าใหม่ในกลุ่มเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ดังกล่าวด้วย เพื่อเพิ่มความครบวงจรของสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวกันก็เพิ่มเติมของภายในร้านให้ดูเต็ม เพื่อดึงดูดความสนใจและเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ไปได้พร้อมกัน
สำหรับกลุ่มเสื้อผ้า J-Girlie นั้น จะใช้วิธีสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) ทั้งในรูปแบบเสื้อสำเร็จรูปและวัตถุดิบผ้าจากโรงงานในประเทศญี่ปุ่นโดยตรงเพื่อนำมาออกแบบและตัดเย็บในไทย โดยว่าจ้างผลิต (เอาต์ซอร์ส) จากกลุ่มผู้ตัดเย็บครัวเรือน ส่วนการผลิตสินค้าเครื่องประดับจะอยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตราว 1,000 ชิ้น/เดือน
ส่วนช่องทางขายแบรนด์ J-Girlie ในปัจจุบันอยู่ที่ตลาดนัดจตุจักรโครงการ 2 ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพบว่ากำลังซื้อในภาพรวมของลูกค้าที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้าที่ตลาดนัดจตุจักรเริ่มลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากเดิมที่ตลาดแห่งนี้จะคับคั่งไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ด้วยมักมาหาซื้อสินค้าแปลกใหม่ไม่เหมือนใครในตลาดทั่วไป ซึ่งทางร้านเองก็ได้รับผลกระทบจากจำนวนลูกค้าที่เดินทางลดลง
แต่จากการปรับตัวพร้อมพัฒนาออกแบบสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และการเปิดหน้าร้านเพิ่มที่ศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 รวมถึงขยายช่องทางขายออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ที่ช่วยให้ทางร้านยังมียอดขายเติบโตน่าพอใจ โดยในปีนี้คาดจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 30%


