posttoday

เปิดเคล็ดรองเท้า ‘ชูเบอร์รี่’

14 กรกฎาคม 2558

การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ผู้ประกอบการไทยนอกจากจะต้องออกไปบุกตลาดต่างประเทศแล้ว

โดย...โปรียนิจ กุลตั้งเจริญ

การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ผู้ประกอบการไทยนอกจากจะต้องออกไปบุกตลาดต่างประเทศแล้ว ยังต้องพร้อมรับมือกับการเข้ามาของผู้ประกอบการต่างชาติ ที่เข้ามามองหาสินค้าไทยออกไปจำหน่าย ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องมีการวางกลยุทธ์ทั้งเชิงรับภายในประเทศ และเชิงรุกที่จะออกไปต่างประเทศ

กรกนก สว่างรวมโชค เจ้าของธุรกิจรองเท้ายี่ห้อ “ชูเบอร์รี่” กล่าวว่า ธุรกิจรองเท้ายี่ห้อชูเบอร์รี่ เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2551 มีโรงงานผลิตของตัวเอง ทำรองเท้าแฟชั่นขายในห้างสรรพสินค้า เริ่มเจาะตลาดต่างประเทศมาประมาณ 1 ปี จากการศึกษาข้อมูลของตลาดต่างๆ ไปร่วมกิจกรรมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในการไปออกงานแสดงสินค้าตามประเทศเป้าหมายในอาเซียน

เธอเริ่มหันมาสนใจตลาดอาเซียน เนื่องจากมองว่าอาเซียนเป็นตลาดขนาดใหญ่ ไลฟ์สไตล์ความนิยมด้านแฟชั่นมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ลูกค้าจึงเป็นกลุ่มเดียวกับลูกค้าในเมืองไทย

ทั้งนี้ วางตลาดเป้าหมายไว้ที่เวียดนาม เมียนมา สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่ตลาดที่ได้มาก่อนกลับเป็นตลาดประเทศลาว ซึ่งปัจจุบันได้ขายแฟรนไชส์แบรนด์รองเท้าชูเบอร์รี่ไปให้กับผู้ประกอบการลาวที่สนใจทำธุรกิจร่วมกัน เพื่อไปเปิดสาขาร้านชูเบอร์รี่ในเวียงจันทน์เซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ในกรุงเวียงจันทน์

เจ้าของกิจการ เล่าว่า ลูกค้าจากเมืองลาวเป็นผู้ติดต่อเข้ามาขอร่วมทำธุรกิจด้วย เนื่องจากต้องการหาสินค้าใหม่ๆ เข้าไปขายในประเทศลาว ผู้ประกอบการลาวได้มาเห็นแบรนด์ในเมืองไทย จึงสนใจที่จะนำแบรนด์ไปขยายตลาดต่อ ผู้ที่มาร่วมทำธุรกิจด้วยเป็นนักธุรกิจลาวที่เคยเรียนอยู่ในเมืองไทย เคยเห็นและใช้สินค้าแบรนด์ดังกล่าวอยู่แล้ว จึงเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าที่จะนำไปขาย

การขายแฟรนไชส์เป็นการขายรูปแบบร้าน สินค้าทั้งหมด และใช้แบรนด์เดียวกัน มีสินค้าทั้งรองเท้าและกระเป๋า โดยลูกค้าเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ทั้งเรื่องสถานที่ การตกแต่ง และการสั่งซื้อสินค้า

กลุ่มสินค้าของทางร้านจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มรองเท้าแฟชั่นแนววัยรุ่น กลุ่มรองเท้าแนวคลาสสิกสำหรับใส่ไปงาน และกลุ่มรองเท้าแฟชั่นเพื่อสุขภาพ ซึ่งที่ลาวก็จะนำรองเท้า 3 กลุ่มไปจำหน่าย โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ลูกค้าเลือกไปขายจะเป็นรองเท้าส้นสูง และรองเท้าแฟชั่นเพื่อสุขภาพ แต่ยังเลือกระดับราคาที่ไม่สูงนัก

“แต่เดิมคิดว่าลาวไม่น่าจะมีกำลังซื้อมาก แต่เมื่อได้ศึกษาตลาดในเชิงลึก พบว่าลูกค้าลาวไม่ต่างจากไทย กลุ่มนักศึกษา คนทำงานชอบแต่งตัว สินค้ากลุ่มแฟชั่นจึงขายดี อีกทั้งผู้ประกอบการลาวก็เข้ามามองหาสินค้าไทยเข้าไปจำหน่ายเยอะ เพื่อสร้างความหลากหลายในตลาดลาว ซึ่งสินค้าของทางร้านสามารถจับตลาดผู้หญิงได้ทุกวัย” กรกนก กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต ต้องการที่จะขยายตลาดออกไปในประเทศเป้าหมาย รวมถึงต้องการให้มีสาขาแฟรนไชส์ให้ครอบคลุมทุกประเทศ หรือในเมืองสำคัญของประเทศเพื่อนบ้าน จากนี้จะพยายามออกไปดูตลาด ออกงานแสดงสินค้า โดยในเดือน ก.ค.นี้ จะไปออกงานที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะไปกับกลุ่มสมาคมรองเท้า และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันก็ศึกษาตลาดกัมพูชา เมียนมา ไปพร้อมๆ กันเพื่อดูช่องทางโอกาสในการขยายธุรกิจ

ขณะนี้มีคนสนใจติดต่อเข้ามามาก ทั้งจากสิงคโปร์และมาเลเซียที่ต้องการนำสินค้าไปขายในห้างสรรพสินค้า ไต้หวันที่ต้องการนำสินค้าไปขยายตลาดในประเทศจีน แต่ยังไม่ได้มีการตกลงกันอย่างเป็นทางการ เพราะต้องการศึกษาให้รอบคอบก่อน

ด้านการแข่งขันยอมรับว่าการแข่งขันสูงในตลาดต่างประเทศ แต่จุดเด่นของบริษัทคือ ความรวดเร็วในการผลิต เนื่องจากมีโรงงานของตัวเอง สินค้าจึงเป็นแบบที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้ออกแบบสินค้าล่วงหน้า ซึ่งการที่มีโรงงานเองทำให้ไม่จำเป็นต้องผลิตออกมาจำนวนมากต่อ 1 แบบ วิธีนี้อาจจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงบ้าง แต่มีข้อดีคือไม่มีสต๊อกจำนวนมาก และจะไม่เกิดปัญหาสต๊อกสินค้าบวม

อีกทั้งสินค้ามีระดับราคาที่แข่งขันได้ เมื่อไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน สินค้าจะอยู่ในระดับพรีเมียม ซึ่งลูกค้ายอมรับได้ ขณะที่ไปอยู่ในมาเลเซียหรือสิงคโปร์ สินค้าจะถูกกว่าสินค้าท้องถิ่น แต่มีคุณภาพดีแข่งขันได้

ทั้งนี้ จะเข้าไปทยอยจดเครื่องหมายการค้า ตราสินค้าในแต่ละประเทศที่นำสินค้าเข้าไปจำหน่าย โดยให้ผู้ลงทุนรับผิดชอบในส่วนนี้ ส่วนการลอกเลียนแบบนั้นไม่ได้กังวลมาก เพราะจะเน้นการทำแบรนด์และขายแบรนด์แก่ลูกค้า เมื่อลูกค้าเชื่อมั่นที่จะใช้สินค้าแบรนด์ชูเบอร์รี่ ก็เท่ากับเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงแรกการเข้าตลาดอาเซียนไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการหาลูกค้าที่เหมาะสมและพร้อมที่จะทำธุรกิจร่วมกันนั้นหายาก บางครั้งไปออกงานแสดงสินค้าก็ยังไม่ได้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแท้จริง แต่ก็ต้องออกไปบ่อยๆ เพื่อดูตลาด ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และสร้างช่องทางโอกาสให้กับตัวเอง

ด้านตลาดในประเทศปีนี้ค่อนข้างซบเซา แต่การที่มีสินค้าออกใหม่มาตลอดเวลา ก็ช่วยสร้างความหลากหลาย และดึงดูดลูกค้ามาซื้อสินค้าได้ ขณะเดียวกันทางร้านได้นำเข้าวัตถุดิบที่หลากหลายมาจากประเทศจีน ทำให้สินค้ามีความโดดเด่น

ส่วนปัญหาค่าแรงในประเทศไทยนั้น ได้ปรับตัวมาจ่ายค่าแรงแบบเหมาเป็นรายชิ้น ซึ่งทำให้มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีการกำหนดการจ่ายขั้นต่ำอยู่ ซึ่งหากค่าแรงจะปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันคงเป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น

สุดท้าย เจ้าของกิจการแนะนำว่า นอกจากการบุกตลาดออกไปต่างประเทศแล้ว ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมความพร้อมในประเทศให้ดีควบคู่กันไปด้วย เพราะไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการไทยต้องการเอาสินค้าไปขายในต่างประเทศอย่างเดียว ผู้ประกอบการต่างชาติก็เข้ามามองหาสินค้าไทยคุณภาพดีเป็นจำนวนมาก หากแบรนด์พร้อม การผลิตพร้อม หน้าร้านดี ก็สามารถรับลูกค้าต่างประเทศได้เช่นเดียวกัน

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท