ค้าปลีกรุมทึ้งเวียงจันทน์ โอกาสหรือโอเวอร์ซัพพลาย

โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เวียงจันทน์ซึ่งมีประชากรเพียงราว 1 ล้านคน จะมีศูนย์การค้าไม่ต่ำกว่า 8 แห่ง จากการเข้ามาลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องของกลุ่มทุนสิงคโปร์ จีน เวียดนาม และไทย คำถามคือ การลงทุนเหล่านี้เป็นโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มทุน หรือกำลังจะกลายเป็นเพียงการลงทุนที่รอวัน “โอเวอร์ซัพพลาย”

โพสต์ทูเดย์ ได้ลงสำรวจพื้นที่ศูนย์การค้าที่เพิ่งเปิดให้บริการในเวียงจันทน์ เริ่มต้นจากห้างสรรพสินค้า “เวียงจันทน์ เซ็นเตอร์” ของกลุ่มบริษัท กริดตะพง ของลาว ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมแลนด์มาร์คในเวียงจันทน์ ร่วมทุนกับกลุ่มทุนจากจีน ห้างดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากตลาดเช้า ช็อปปิ้งมอลล์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกไม่มากนัก วางตำแหน่งทางการตลาดในระดับไฮเอนด์ เปิดให้บริการเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

จากการสำรวจในช่วงเที่ยงวัน พบว่าห้างดังกล่าวมีกลุ่มนักเรียนชาวลาวเข้ามาเดินเล่นและถ่ายรูปบ้างเล็กน้อย แต่ภาพรวมทุกชั้นค่อนข้างเงียบเหงา ร้านค้าเช่าที่อยู่ในห้างมีเพียงพนักงานประจำร้าน แต่ไม่มีลูกค้า แม้กระทั่งศูนย์อาหารก็ยังมีคนนั่งรับประทานเพียงไม่กี่โต๊ะ

ขณะเดียวกัน จากการสำรวจศูนย์การค้า “สกาย ซูเปอร์มาร์เก็ต” ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ แต่เปิดให้บริการเฉพาะชั้นใต้ดินแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเพิ่งมีร้านค้าเช่าจำนวนไม่มาก และเพียงเวลา 16.00 น. ก็แทบไม่มีคนเดิน ร้านค้าจำนวนหนึ่งทยอยเก็บของ

สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ตภายในศูนย์การค้าดังกล่าวนั้น แต่ละชั้นวางมีสินค้าไม่เต็มชั้น บริเวณของสดยังขาดมาตรฐานการดูแลรักษาความสะอาดของสินค้า

นอกจากนี้ ข้อมูลจากผู้ประกอบการในลาว ระบุว่า ศูนย์การค้าในเวียงจันทน์บางแห่งปิดบริการตั้งแต่เวลา 17.00 น. หรือ 18.00 น. ขณะที่บางแห่งแม้ไม่ได้ปิดบริการตั้งแต่ 17.00 น. แต่ช่วงเวลาหลังจากนั้นก็แทบไม่มีผู้ใช้บริการแล้ว

พิมล ปงกองแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ นครหลวงเวียงจันทน์ ให้ข้อมูลว่า ช่วง 1 เดือนแรกที่ห้างเวียงจันทน์ เซ็นเตอร์ เปิดตัว ปริมาณรถยนต์ที่เดินทางข้ามชายแดนจากลาวมาไทยลดลงจากประมาณ 1,500 คัน/วัน เหลือเพียง 1,200 คัน/วันเท่านั้น สะท้อนว่าชาวลาวหันไปลองของใหม่ แต่พอพ้น 1 เดือนแรกไป ปริมาณรถข้ามมาฝั่งไทยก็กลับมาสู่อัตราเดิม

“สินค้าที่ชาวลาวข้ามไปซื้อในไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ห้างแห่งใหม่ของเขามีแต่สินค้าไฮเอนด์ ไม่ค่อยมีสินค้าอุปโภคบริโภค จึงดึงดูดคนได้เฉพาะช่วงแรกที่เปิดตัว”

ด้าน พร พนักงานบริษัทชาวลาว บอกว่า เวียงจันทน์ เซ็นเตอร์ ที่เพิ่งเปิดให้บริการยังไม่ค่อยตอบโจทย์ชาวเวียงจันทน์มากนัก เนื่องจากสินค้าที่ขายภายในห้างยังมีราคาค่อนข้างแพง ประกอบกับสาเหตุหนึ่งที่ชาวลาวข้ามฝั่งมายังห้างใน จ.หนองคายและอุดรธานีของไทย คือ การมาชมภาพยนตร์ แต่ห้างที่เปิดในลาวขณะนี้ไม่มีโรงภาพยนตร์ อีกทั้งการเดินทางข้ามมาฝั่งไทยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เธอจึงเลือกข้ามมาใช้บริการห้างในไทย

“ไลฟ์สไตล์ของชาวเวียงจันทน์ยุคปัจจุบันรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น แต่ก็จะไปตามร้านอาหารต่างๆ ที่ไม่ใช่ในห้างสรรพสินค้า อาจเพราะห้างแห่งแรกที่มาเปิด ให้บริการถึงเพียง 17.00 น. เท่านั้น ทำให้ชาวลาวคุ้นชินกับการไปทานอาหารที่อื่นมากกว่า”

ด้วยจำนวนประชากรที่น้อยกว่าเมืองหลวงของหลายประเทศในภูมิภาค ประกอบกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนประเทศใด ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกที่กำลังบุกตลาดลาวขณะนี้หรือต้องการบุกในอนาคต อาจต้องเร่งทำการบ้านเพิ่มเติม เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและตอบโจทย์ตลาดอย่างแท้จริง