'แมนูไลฟ์'หวั่นA-Shareร้อนเกิน

“แมนูไลฟ์” ชี้หุ้นจีน A-Share เสี่ยงสูง เชียร์ซื้อ H-Share ไม่แพง “ธนชาต” แนะรอช้อนตอนปรับฐาน

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นจีนในระยะยาวยังมีแนวโน้มที่ดี แต่ในระยะสั้นนี้หุ้นในกลุ่ม A-Share หรือหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และตลาดเสิ่นเจิ้น ราคาปรับเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว ทำให้มีความเสี่ยงที่จะปรับลดลงได้

“ตลาดหุ้นจีนร้อนแรงมาก ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน A-Share วิ่งขึ้นไปแล้ว 50% ในขณะที่ H-Share หรือหุ้นจีนในตลาดหุ้นฮ่องกง ปรับเพิ่มขึ้นไปเพียง 30% ซึ่งในอนาคตราคาหุ้นทั้งสองตลาดนี้จะต้องวิ่งเข้าหากัน เพราะฉะนั้นมีโอกาสที่ H-Share จะปรับขึ้นไปเท่ากับ A-Share” นายต่อ กล่าว

นายต่อ กล่าวอีกว่า หากต้องการลงทุนในหุ้นจีนควรจะให้น้ำหนักการลงทุนใน H-Share มากกว่า A-Share โดยสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำ คือ H-Share 70% และ A-Share 30% นอกจากนี้ หุ้นจีนในตลาดหุ้นฮ่องกงยังมีความผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นจีน โดยเฉพาะ A-Share มาตั้งแต่ต้นปี  ยังไม่แนะนำให้ขายทำกำไร แต่ถือต่อไป เนื่องจากต้นทุนต่ำ แต่สำหรับเม็ดเงินใหม่ควรลดน้ำหนักการลงทุนลงเพื่อลดความเสี่ยง

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในหุ้นจีน ควรรอให้ตลาดหุ้นจีนปรับฐานลงกว่านี้ก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้นจีนปรับเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว

“เชื่อว่ารัฐบาลจีนคงไม่ปล่อยให้ตลาดหุ้นร่วงลงแรง เพราะจะกระทบความมั่งคั่งของประชาชน” นายบุญชัย กล่าว

นายบุญชัย กล่าวว่า การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อกระจายความเสี่ยง เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งทองคำ ที่แม้ว่าจะอยู่ในช่วงขาลง แต่หากราคาปรับลดลงมาจนถึงระดับหนึ่งก็สามารถเข้าลงทุนได้ โดยปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยง

“แต่การลงทุนปีนี้อย่าคาดหวังว่าจะได้กำไรมาก เพราะภาวะตลาดเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นขอแค่ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประมาณ 3-4% ก็น่าพอใจแล้ว เนื่องจากเป็นที่คาดกันแล้วว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้แน่นอนแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะปรับขึ้นในช่วงไหนและปรับเท่าไร” นายบุญชัย กล่าว

 นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้การลงทุนในตลาดหุ้นยังคงน่าสนใจ แต่ผลตอบแทนจะไม่สูงเท่ากับในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นแล้ว และที่ผ่านมาเงินลงทุนจากต่างชาติไม่ได้ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่