ประกันแรงงานต่างด้าว
แรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้สิทธิการประกันสังคมเท่าเทียมคนไทยคุ้มครอง 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน
แรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้สิทธิการประกันสังคมเท่าเทียมคนไทยคุ้มครอง 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว หากต้องการจะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจะต้องมีใบอนุญาตการทำงาน และมีหนังสือเดินทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ดังนั้น นายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าว เช่น เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องทำประกันสังคม โดยนายจ้างและลูกจ้างจะต้องส่งเงินสมทบฝ่ายละ 5% และรัฐบาล 2.75% ซึ่งเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ลูกจ้างสามารถรับเงินทดแทนได้
ปัจจุบัน สำนักงานประกันสังคมจัดแบ่งแรงงานต่างด้าวที่ได้รับความคุ้มครองออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1.แรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องมีหนังสือเดินทาง และใบอนุญาตทำงาน สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้
2.แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง แต่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติเรียบร้อยแล้ว มีหนังสือเดินทางชั่วคราว หรือเอกสารรับรองบุคคล และใบอนุญาตทำงาน สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้
3.แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง แต่ได้รับการผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรีให้รับจ้างทำงานเป็นการชั่วคราวระหว่างรอการส่งกลับ เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเอง ซึ่งยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้
หากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ขอให้ญาติรีบแจ้งประกันสังคม ซึ่งจะดำเนินการให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนให้
ในกรณีลูกจ้างแรงงานต่างด้าว หากมีการเคลื่อนย้ายที่ทำงานสิทธิดังกล่าวก็ยังคงติดตัวไปด้วย กรณีเสียชีวิต ทายาทผู้มีสิทธิสามารถยื่นเรื่องขอรับประโยชน์ทดแทน และเมื่ออายุ 55 ปี ก็ยังได้รับเงินบำเหน็จบำนาญคืนได้ ถึงแม้ลูกจ้างแรงงานต่างด้าวจะกลับประเทศไปนานแล้วก็ตาม
เบื้องต้นมีแรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนและรอรับรองสถานะ 1.5 ล้านคน แต่มีแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนประกันสังคม 3.5 แสนคนเท่านั้น


