แนะใช้ดิจิทัลแบงก์รุกลูกค้า
แนะแบงก์ยกระดับดิจิทัลแบงก์กิ้งให้เข้าถึงการใช้ชีวิตทุกสเต็ป ชี้โครงสร้างไทยพร้อม
แนะแบงก์ยกระดับดิจิทัลแบงก์กิ้งให้เข้าถึงการใช้ชีวิตทุกสเต็ป ชี้โครงสร้างไทยพร้อม
นายโจนาธาน อัลลาเวย์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจบริการทางการเงิน ภูมิภาคอาเซียน บริษัท แอคเซนเชอร์ ที่ปรึกษาด้านการจัดการ การบริหารเทคโนโลยี และบริการเอาต์ซอร์ส เปิดเผยว่า ธนาคารไทยยังต้องพัฒนาดิจิทัลแบงก์กิ้งให้มากขึ้น เพื่อเข้าถึงการใช้ชีวิตของผู้บริโภค (Everyday Bank) มากกว่าเป็นช่องทางให้บริการหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน แล้วใช้การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้ามาต่อยอดการนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคน ซึ่งได้ผลดีกว่าการออกโปรโมชั่นแบบเหวี่ยงแห
ทั้งนี้ ระบบดิจิทัลแบงก์กิ้งของไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาเซียน เป็นรองสิงคโปร์ แต่ของไทยส่วนใหญ่เป็นการชำระเงินเทียบกับตลาดการเงินโลกที่พัฒนาไปสู่ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-วอลเล็ต) ที่ไม่ต้องเปิดบัญชีธนาคาร แต่รับจ่ายโอนเงินได้ตลอดเวลา รวมทั้งปิดจุดอ่อนของธุรกิจเอสเอ็มอีที่กู้เงินยากเพราะไม่มีข้อมูลเครดิต เพราะธนาคารสามารถใช้ประวัติการเงินจากดิจิทัลหรือโมบายเพย์เมนต์มาเป็นหลักฐานได้
“โมเดลการเป็น Everyday Bank ของไทยจะเหมาะกับแบบไหน ขึ้นอยู่กับลักษณะของธนาคาร แต่หากธนาคารไทยต้องการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านแถบซีแอลเอ็มวี ส่วนตัวมองว่าควรใช้รูปแบบตั้งบริษัทลูกดิจิทัลแบงก์กิ้งขึ้นมาจะเหมาะสมกว่า เหมือนธนาคารสิงคโปร์ที่รุกตลาดอินเดียและจีน ที่ใช้รูปแบบดิจิทัลแบงก์กิ้งในการแข่งขันกับธนาคารท้องถิ่น” นายอัลลาเวย์ กล่าว
ปัจจุบันสถาบันการเงินจัดสรรงบราว 20% ในการพัฒนาดิจิทัลแบงก์กิ้งเพิ่มขึ้นจากอดีตที่อยู่ที่ 10% สะท้อนว่าธนาคารทั่วโลกให้ความสำคัญดิจิทัลเป็นอันดับต้นๆ
นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารไทยจะอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาดิจิทัลแบงก์กิ้ง แต่สามารถก้าวกระโดดไปสู่ Everyday Bank ได้ทันที เพราะไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้าง
พื้นฐานดิจิทัลแบงก์กิ้ง และภายในปีนี้จะมีสถาบันการเงินเปิดตัวดิจิทัลแบงก์กิ้งที่พลิกโฉมวงการ
ทั้งนี้ บริษัทเป็นที่ปรึกษาสถาบันการเงินในไทยหลายแห่ง โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ แต่พฤติกรรมผู้บริโภคยังเคยชินกับการใช้บริการธนาคารรูปแบบเดิมๆ ธนาคารจึงต้องพัฒนาระบบให้ผู้บริโภคใช้งานง่าย รวมทั้งรัฐบาลควรนำดิจิทัลไปปรับใช้ในบริการของภาครัฐ เช่น ประกันสุขภาพ เงินช่วยเหลือต่างๆ ใช้โมบายวอลเล็ท แทนการรับเช็ค จะช่วยลดต้นทุนและรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลอีกด้วย
ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานธุรกรรมการชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งและโมบายแบงก์กิ้ง ว่าเดือน มี.ค. 2558 มีผู้ใช้บริการรวมกว่า 17 ล้านราย มีปริมาณรายการธุรกรรมกว่า 32 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้านบาท


