ปีศาจที่คนรักมากที่สุด! "All new Ducati Monster 821" จากฝีมือคนไทย
ลองขี่ Ducati Monster 821 กับความครบครันในทุกอารมณ์ของการขับขี่กับค่าตัว 4 แสนกลางๆ
เรื่อง : ภรวิธ เศรษฐบุตร, ภาพ : Ducati Asia
เปิดหัวเรื่องแบบนี้ก็เพราะว่า Ducati Monster นั้นยังครองอันดับหนึ่งของรถมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ที่ขายดีที่สุดของค่ายอิตาเลี่ยนค่ายนี้ คงจะเป็นเพราะความที่มันสามารถเป็นทั้งรุ่นที่เหมาะสำหรับมือใหม่เพราะเน้นให้ขี่ง่ายและสะดวกสบายมีระบบความปลอดภัยระดับเทพให้มาด้วยสามารถใช้ได้ยาวๆ ในทุกสถาณการณ์ของการขับขี่ เอาเป็นว่าเป็นรถที่ถ้าใครมีงบประมาณ ที่จะเป็นเจ้าของได้คันเดียวและอยากได้หลายอารมณ์ Monster ตัวนี้ ช่วยคุณได้!
Ducati Asia Pacific รักประเทศไทยจริงๆ เพราะผมได้รับเชิญมางานเปิดตัวรถหลาย ต่อหลายรุ่นแล้ว ที่นี่ประเทศไทยก็ยังเป็นเสมือนสถานที่จัดงานที่ถูกเลือกเสมอ เพราะความที่ บ้านเราเพียบพร้อมมากๆ ทั้งวัฒนธรรมอันสวยงามหรือแพชชั่นในการขี่รถมอเตอร์ไซค์ และแน่นอนเรามีถนนสวยๆ ให้การทดลองขับขี่นั้นเปี่ยมไปด้วยความสนุกได้ทดลองศักยภาพ ของรถได้อย่างเต็มที่
ชมคลิป https://youtu.be/mwU_j0ESsCg
การทดสอบครั้งนี้ เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ครับ
ก่อนอื่นผมต้องขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ Ducati Monster ก่อนนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่าเราต้องเข้าใจรถว่ามีที่มาอย่างไรเราถึงจะเข้าใจวิธีใช้งานของ รถรุ่นนั้นๆ
Ducati Monster คือ “ครอบครัว” ใหญ่ที่สุดของ Ducati ครับ Monster ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1993 กับ Monster M900 ที่เมือง Bolonga, Italy จนถึง ปีนี่ 2015 กับ Monster 1200S และ Monster 821 ร่วม 20ปีเลยทีเดียว และที่สำคัญ Monster 821 มันถูกผลิตขึ้น ในประเทศไทยพร้อมส่งออกไปทั่วโลก
“การมีแพชชั้นที่มากมายของทีมการผลิตคนไทยนั้นไม่ต่างกับชาวอิตาเลี่ยนเลย เพราะพวกเขาสร้างรถทุกคันเหมือนเป็นรถของเขาเองจริงๆ”David James, Ducati Marketing Director (Asia) กล่าว ถึงทีมงานคนไทย
Monster เป็นรถที่มีคาแรคเตอร์ที่เน้นไปทางด้านไลฟ์สไตล์ ศิลปะ และแฟชั่น เพราะจะสังเกตได้ว่าในรุ่นที่ผ่านมาก็มีของตกแต่งที่เรียกว่า “Monster Art” มาให้แต่งรถให้เป็นตัวตนของเจ้าของรถที่ต่างกันออกไป จึงเป็นที่นิยมของดารา นักร้อง ศิลปิน นักกีฬา นักแข่งรถ F1 ดีไซเนอร์ เพราะมันคือสไตล์และไลฟ์สไตล์ของการขับขี่ นั่นคือสิ่งที่ Ducati กำลังสื่อสารกับเราถึงตัวตนของ ปีศาจที่น่ารักตนนี้
“Ducati Monster 821 ถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา “Light naked style” เหมาะกับความต้องการของตลาดผู้ใช้รถมือใหม่ในเอเซียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันศักยภาพของรถก็พร้อมรองรับลูกค้าที่มีประสบการณ์แล้วเช่นกัน” David James กล่าวเสริม
Monster 821 นั้นการออกแบบใหม่หมดจดทุกกระเบียดนิ้วแต่ก็ยังคงจำได้ว่านี่คือ “Monster” เพราะ DNA ของมันที่ชัดเจนนั่นเองที่ Ducati ไม่อยากเสียมันไป
รายละเอียดของรถนั้นผมไม่อยากพูดถึงรายละเอียดทั้งหมด มันดูน่าเบื่อเพราะไปอ่านดูใน Spec Sheet ได้แต่ขอพูดบางส่วนที่สำคัญแทน
เริ่มจากTrellis เฟรมและซับเฟรม ที่เป็นคาแรคเตอร์ของ Monster ถูกออกแบบใหม่ให้ติดอยู่กับ “Cylinder head” มันคล้ายๆ กับ คอนเซ็ปต์ของ Panigale นอกจากจะทำงานได้ดีแล้วมันช่วยลดน้ำหนักลงอีก 1.3 กิโลกรัม Ducati เน้นย้ำเรื่องน้ำหนักรถที่เป็น “Super Light Weight” แปลเป็นไทยคือคอนเซ็ปต์ “เบาแต่แรง” นั่นเอง ส่วนซับเฟรมใหม่ก็ช่วยลดน้ำหนักลงอีก 1.1 กิโลกรัม เช่นกัน
Double side Swing Arm ก็ถูกออกแบบใหม่พร้อมระบบกันสะเทือนหลัง ถังน้ำมันถูกออกแบบใหม่ให้ดูบึกบึนมากขึ้นและจุน้ำมันมากขึ้นจาก 13.5 ลิตร เป็น 17.5 ลิตร รวม 4 ลิตรสำรอง ทำให้ไปได้ไกลมากขึ้นเวลาเดินทาง
ระบบเบรคหน้า Brembo Motobloc พร้อม ABS 9MP Processor จาก BOSH จัดให้ถึง 3 ระดับการใช้งานเพื่อเชื่อมต่อกับ Riding Modes ทั้งสาม ส่วนเบรคหลังใช้ Brembo เช่นกัน ตะกียบหน้าคู่แบบหัวกลับจาก ขนาด 43 มม. ซึ่งถือว่าเป็นระดับ พรีเมี่ยมทั้งหมด
Weight Distribution นั้น เปลี่ยนใหม่ช่วยให้การควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น “wheel base” ยาวขึ้นกว่าเดิม 30 มม. ช่วยให้ขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น ล้อแม็กอัลลอย 10 ก้าน เหมือนกับ Panigale และ Multistrada ใช้ยาง Pirelli RossoII ทั้งหน้าและหลัง
น้ำหนักรถไม่รวมของเหลวนั้นอยู่ที่ 179.5 กก เมื่อรวมอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าไปถือว่า ทำได้ดีในการรีดน้ำหนักรถที่ระบายความร้อนด้วยน้ำนะครับ
ท่านั่งของ Ducati Monster 821 เปลี่ยนไปจากเดิมมาก มันถูกออกแบบให้นั่ง หลังตรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเบาะที่ออกแบบใหม่เพิ่มความหนาและใหญ่มากขึ้นทั้งคนขี่และคนซ้อน ปรับระดับได้ 750-810 มม. ตามความต้องการของผู้ใช้ (มีเบาะแต่งที่ลดได้ถึง 745มม และสูงถึง 835 มม. ให้ซื้อเพิ่ม) ตำแหน่งแฮนด์บาร์ที่สูงขึ้น พักเท้าที่กลางลำตัวรถทำให้เป็นมิตร มากขึ้นในการขับขี่
The technology
Technology นั้น Ducati จัดเต็มตลอดเพิ่อความปลอดภัยกับระบบ Safety Pack ที่มาพร้อม ABS 3 ระดับ และ Traction Control 8 ระดับ เลือกใช้งานตาม Riding Modes ที่มีมาให้ 3 แบบ คือ Urban ที่ 75hp และ Touring ที่ 112hp แต่ มี Traction Control และ ABS ที่เยอะหน่อย ในขณะที่ Sport ยังคง 112hp แต่ ปิดระบบความปลอดภัยที่เรียกว่า ถูกม้วนเก็บให้เหลือไว้เพียงนิดหน่อยเมื่อคุณพร้อมที่จะซิ่งรวมถึงการควบคุมคันเร่งไฟฟ้าแบบ “Ride by Wire” ที่ตอบสนองทันทีสำหรับโหมดนี้ เรียกว่า “พี่อยากตื๊ด หนูจัดให้” พี่ไม่พร้อม หนูก็ไม่เล่นด้วย!
การเปลี่ยนโหมดนั้นทำงานง่าย ไม่ซับซ้อน เลือกโหมดที่ต้องการ กดแช่ 4 วินาที เป็นอันเสร็จพิธี แต่มีข้อแม้คือห้ามเปิดคันเร่ง ขณะการเซ็ตโหมดครับ มันจะไม่ทำงาน
แต่อยากซับซ้อนก็ทำได้เองโดยเซ็ตค่าทุกอย่างตามต้องการได้ เช่น ทั้งสามโหมด อยากให้เป็น112hp ก็ได้ แต่ไปเพิ่มและลด ค่า ABS และ Traction Control ตามต้องการ ถ้าคิดว่า ม้า 75hp ยังไงก็ไม่ตื๊ดพอ หรือมือใหม่ถ้าไม่อยากได้ 112hp ก็ปรับทุกโหมดลงเป็น 75hp ก็ยังได้จนกว่าจะ ขี่ได้คล่องจึงค่อยปรับให้แรงขึ้นตามความพร้อมของทักษะเจ้าของ
ส่วนตัวชอบที่ Monster 821 สามารถเปลี่ยนเป็นรถสองนิสัยได้ในร่างเดียวน่าจะช่วย ลดอุบัติเหตุได้บ้างจากวิธีนี้ครับ
การอ่านค่าหน้าจอดูเหมือนจะเยอะตาลายแต่ไม่นานก็ชินเพราะเลย์เอาท์ค่อนข้างดีและข้อมูลทุกอย่างก็จำเป็นไม่ว่าจะเป็น มาตรความเร็ว รอบเครื่อง Riding Modes ทั้งสาม ที่บอกค่า ABS และ Traction Control เตือนผู้ใช้ตลอดเวลาว่าเรามีอาวุธติดตัวคืออะไร เมื่อเจอสภาพถนนที่ต้องต่อกร ส่วนมากก็ ฝนตก ถนนขาด เป็นทางฝุ่น หรืออะไรก็แล้วแต่ เราได้ปรับตัวทันเมื่อต้องเผชิญกับมัน และหน้าจอสำคัญมากที่บอกว่าเรากำลังอยู่โหมดใหน
บางคนอาจจะคิดว่ารถสมัยนี้ช่วยเรามากจนคนขี่รถทำอะไรไม่เป็นแต่เชื่อไหมว่า ระบบเหล่านี้ก็ถูกพัฒนามาจากการแข่งขัน MotoGP ซึ่งหากมันจะช่วยบรรเทาและลด อุบัติเหตุได้ ก็ต้องถือว่ามันสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินอยู่พอสมควร
The Engine
เครื่องยนต์ใหม่ของ Ducati Monster 821 เป็นเครื่อง Testastretta 11° ที่ถือได้ว่า ประสบความสำเร็จมาแล้วกับ Ducati Hypermotard ต่างกันคือระบบคันเร่งโดย Monster นั้นจะเน้นที่ความนิ่มนวลในการใช้งานมากกว่า Hypermotard ที่ออกแนว สตั๊นนิดๆ ซนๆ หน่อยๆ แม้ ซีซี จะเท่ากันแต่ในเมื่อนิสัยรถต่างกัน Ducati ก็ปรับเครื่องยนต์ให้ มีนิสัยแตกต่างกันออกไปและเครื่องยนต์ก็ถูกออกแบบให้ใช้งานได้นานมากขึ้นโดยยืดอายุการเช็คเซอร์วิสครั้งใหญ่ จาก 25,000 เป็น 30,000 กม. ทำไมถึงสำคัญ ก็เพราะค่าใช้จ่าย การนี้มันราคาสูงน่ะสิครับต้องเปิดเครื่องเช็คกันเลยทีเดียว ยืดหน่อยก็จะดี ส่วนระยะการ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องจาก Shell Advance Pure Plus Technology สูตรใหม่ ที่ยึดอายุการ เปลี่ยนเป็นทุกๆ 15,000กม ยาวกันจนลืมไปเลย
น้ำมันเครื่อง Shell Advance Pure Plus Technology สังเคราะห์มาจาก ก๊าซธรรมชาติ ถือได้ว่าสะอาดหมดจดเหมาะกับการใช้งานร่วมกับเชื้อเพลิงในเอเซีย มีการ research จริงจังและไม่นานมานี้ได้ทดสอบที่กรุงเทพฯ กับรถจักรยานยนต์ หลายประเภท จำนวน 30 คัน ใช้ทุกวันกว่า 75 วันติดต่อกันแล้วจึงเปิดเครื่องดูก็จะพบว่าสภาพเครื่องยนต์ นั้นอยู่ในสภาพค่อนข้างดีจากภาพที่ได้เห็นคือเครื่องยนต์ไร้ร่องรอยของการสึกหรอ และทั้งหมด นี้คือข้อมูล ทางวิชาการจาก Shell Advance นะครับ
กลับมาที่เครื่องยนต์กันต่อว่ากันที่ระบบคลัทช์เปียกที่ใช้ระบบเคเบิ้ลแทนที่จะใช้น้ำมัน ไฮดรอลิค สอบถามไปก็ได้ความว่ารถรุ่นที่เป็น Entry Level เครื่องยนต์ขนาดกลางทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Scrambler, Hypermotard และ Monster 821 จะใช้คลัทช์สายเคเบิ้ลทั้งหมด เพื่อลดน้ำหนักรถให้เบาลง แต่รุ่นใหญ่ 1,200ซีซี ยังคงใช้ระบบน้ำมัน ไฮดรอลิค เหมือนเดิม แสดงว่าใครจะใส่ปั๊มคลัทช์แต่งคงปวดหัวเล็กน้อยนะครับเพราะยุ่งยากพอสมควร
Monster 821 ให้ slipper clutch มาด้วยเพิ่อป้องกันล้อล็อคเมื่อชิพเกียร์ลงแรงๆ เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ท่อไอเสียออกแบบใหม่ 2+1+2 คล้ายๆ Diavel มีความยาว เท่ากันเป๊ะทั้งสองท่อตามสูตร มีสีให้เลืองสองสีคือ Traditional Red และ Dark Stealth
The Test Ride
หลังจากได้รับฟังข้อมูลเราก็ได้พักหนึ่งคืนก่อนที่เราจะได้ขี่จริงจังเช้าวันรุ่งขึ้นร่วมกับสื่อมวลชนสายมอเตอร์ไซค์จากประเทศไทยท่านอื่นๆ และประเทศต่างๆ ในทวีปเอเซียโดยจะร่วม ทดสอบการขับขี่สไตล์ทัวร์ริ่งด้วยกันและจะออกเดินทางจากตัวเมืองจังหวีดเชียงใหม่ไปร่อนบนถนนที่เต็มไปด้วยโค้งและเขาบริเวณถ้ำเชียงดาวก่อนวนกลับมาที่ตัวเมืองรวมระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ถือว่าไม่มากไม่น้อย
ผมคุ้นเคยกับ Ducati Monster เป็นอย่างดีเพราะเป็นเจ้าของรุ่น 696 ที่ราคา 580,000บาท เมื่อปี 2010 ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ ABS ครับ นำเข้ามาจากประเทศอิตาลี พอทราบราคา Monster 821 เปิดราคามาที่ 469,900บาท สำหรับสีดำ “Dark Stealth” ส่วนสีแดงประจำค่าย Ducati ราคาแพงกว่า 10,000บาท คือ 479,900บาท บอกได้เลยว่า ใครซื้อรถปีนี้รถมาครบเรื่องราคามากๆ และทั้งสองสีก็มี Performance package มาให้คือท่อ สลิปออน Termingoni ของแท้ตรงรุ่นแต่ต้องเพิ่มเงินอีกประมาณ 80,000บาท เท่านั้นเองครับ เท่านั้นเอง จิ๊บๆ อิอิ
ผมสูง 160ซม ในเมื่อความสูงของเบาะปรับได้ระหว่าง 750-810 มม. ผมจึงเลือก 750มม. เพื่อความสบายใจของปลายเท้าและกล้ามเนื้อก้น เมื่อขึ้นคร่อมเกิดอะไรขึ้น?
ครับ! ใช่ตามทีได้รับบรีฟมาคือ ท่านั่งเปลี่ยนไปจากเดิมที่แฮนด์บาร์รุ่นก่อนหน้านี้ จะทำให้ก้มมากกว่า Monster 821 มีแฮนด์บาร์ที่กว้างมากกว่า ท่านั่งแขนจะกางกว่า ไม่อยากบอกว่าเอียงไปทางโมตาร์ดนิดๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกได้ชัด พักเท้าอยู่ใน ตำแหน่งที่ค่อนข้างกลางๆ ตัวรถ ขัดใจนิดหนึ่งคือส้นเท้าขวาเมื่อวางบนพักเท้าจะไปโดน ท่อตลอด เบาะกว้างขึ้น นั่งสบาย คนตัวเล็กอย่างผมเวลาเลี้ยวแบบหักมาสุดต้องปรับตัวเพราะ แขนจะยึดไปตึงมากทำให้ควบคุมลำบาก แฮนด์บาร์แต่งช่วยคุณได้ครับ อย่าน้อยใจไป
เสียงเครื่องยนต์คำรามแหบแห้งสไตล์ Ducati ครับ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มองจอ LCD สีขาวนวล ตัวหนังสือดำ อ่านค่าเป็นโหมด Touring กับ 112hp ผมเลยขอเปลี่ยนเป็น Urban ก่อนที่ 75hp เพราะเริ่มจากในตัวเมือง อยากลองความแตกต่างเริ่มจากน้อยไปหามาก
เคลื่อนตัวออกไปตามถนนสิ่งแรกที่สังเกตได้คือ “ความนิ่มนวล” ของการควบคุม เครื่องยนต์และการขับเคลื่อน Monster 821 ดูเป็นมิตรกับผมมากแต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ ผมอยู่กับโหมด Urban ได้ไม่นานก็ขอขยับเป็น Touring ที่แรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนครับช่วงนี้ออกนอกตัวเมืองแล้ว สภาพถนนมีดีบ้างไม่ดีบ้างถือว่า Traction Control ที่ให้มาและระบบ ABS นั้นทำงานดี เพราะถนนค่อนข้างแคบ มีทรายตามไหล่ทาง ยังดีที่ ไม่มีฝนในช่วงเช้า ความที่รถน้ำหนักเบาแต่แรงด้วยกำลังเครื่องยนต์จึงจำเป็นต้องมี ระบบเบรค และช่วงล่างชั้นเยี่ยมไว้คอยระงับอาการที่ไม่พึงประสงค์ ถือว่าโดยรวม ทั้งสามอย่างทำงาน ร่วมกันได้อย่างดีเยี่ยม
บอกตรงๆ ผมค่อนข้างพอใจกับโหมด Touring มาก รู้สึกปลอดภัยไม่อยากเปลี่ยน โหมด แต่อาการ “คัน” มันมาเรื่อยๆ ครับ รอจังหวะการใช้โหมด Sport ซึ่งไม่นานนักโอกาส ก็เปิดด้วยสภาพถนนที่เรียบกริ๊บและโค้งที่เปิดกว้าง ให้เห็นได้ชัดเจนอยากจะเปลี่ยนทันทีกลับทำไม่ได้ต้องปิดคันเร่งก่อนระหว่างการกดแช่ 4 วินาที ทำให้รถจะช้าลง ตรงนี้แหละที่ผมต้อง ปรับตัวให้ทำอย่างไรก็ตามไม่รบกวนคนที่กำลังทำความเร็วตามมา ควรมองกระจกหลังสักนิด หรือกะระยะเร่งให้ห่างสักนิดก่อนผ่อนคันเร่งเพื่อเปลี่ยนโหมด ไม่งั้นโดนบ่นแน่ๆ ครับ
อยากขออะไรที่สุดตอนนี้คือขอให้ไม่ต้องผ่อนคันเร่งเวลาเปลี่ยนโหมดได้ไหมครับจะ แจ่มมากเลยนะขอบอก
โอเค เข้าสู่ Sport Mode ที่คันเร่งไฟฟ้าส่งกำลังมา 1:1 ที่ภาษาอังกฤษบอกว่า “You get what you ask for” คือโหมดนี้ก็เหมือนที่เดาเอาไว้คือการปลดปล่อยความเป็น “ปีศาจ” อันแท้จริงของ Monster ออกมาด้วยการตอบสนองที่คมมากๆ ในการควบคุม บอกไม่ถูกครับ มันกลายเป็นรถคนละคันเลย ดุ และ คม
ข้อดีของ Ducati Monser ทุกๆ รุ่นที่ผมสัมผัสมา คือท่านั่งที่เปลี่ยนได้หลากหลาย
ถามว่าแล้วมันสำคัญอย่างไรในสายตาของผม?
มันสำคัญมากครับ เพราะมันจะทำให้คุณไม่มีวันเบื่อกับการขี่ Monster
อยากชิวเหรอ นั่งตรงๆ สาวเกาะท้าย ร่อนไปมาสบายๆ ไม่เหนื่อย เน้นความอบอุ่นจากคนซ้อนเป็นหลัก
อยากไปเที่ยวทางไกล ก็นั่งหลังตรงๆ ได้ เมื่อความเร็วมากขึ้นก็หมอบหลบลมเล็กน้อย ไกลๆ ไปได้สบายไม่เหนื่อย ไม่ชอบลมก็ติดชิวดักลมหน้าได้กันแมลงต่างๆ
สุดท้ายหากคุณอยากจะซิ่ง มันจัดให้คุณได้ไม่ยากเพราะ Monster ถือเป็นรุ่นเดียว เท่านั้นของ Ducati ที่ทำได้ครบทุกอย่าง คุณสามารถเทน้ำหนักตัว ลีนอิน หรือ ลีนเอาท์ ได้ตลอดเวลา เปลี่ยนท่านั่งให้ไปทางแนวเรซซิ่งได้อย่างไม่ขัดเขินและพาเข่าของคุณเช็ดพื้น ได้แบบเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย (ขอแนบรูปที่ผมพา Monster 696 สีเหลืองของผมไปซ้อมใน สนามแข่งนะครับจะได้เห็นภาพที่มันสามารถกลายพันธุ์ได้ไม่ยาก)
ทั้งหมดความสนุกของ Ducati Monster 821 ที่รุ่นอื่นไม่มี แต่คุณต้องกล้าที่จะ “ซน” กับเค้านะ เพราะถ้าคุณไม่เล่น เค้าก็ไม่เล่นกับคุณ
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ส่วนตัวแล้วผมถึงใช้ Monster 696 มากว่า 55,000กม โดยยังไม่เปลี่ยนรถเลย ตอนกลายเป็นรถสนามไปแล้วเพราะอย่างซิ่งแต่อยากโดนลมไม่เน้น ทำเวลาต่อรอบ เน้นแค่อยากสนุกกับเค้าในหลายๆ รูปแบบ
กลับมาที่ Ducati Monster 821 ที่ผมกำลังเพลินกับโหมด Sport แล้วฝนก็กระหน่ำ ลงมาจนผมต้องรีบเปลี่ยนจากโหมด Sport กลับไปเป็น Urban บอกตรงๆ กลัวครับ ยิ่งกำลัง จะวิ่งเข้าช่วงบนเขาที่ถ้ำเชียงดาวได้รับการ เตือนเรื่องน้ำที่ไหลระบายจากภูเขาจะไหลพาดถนน ช่วงนั้นโดยเฉพาะในโค้งผมจึงขอจัด Traction Control และ ABS ระดับความปลอดภัย สูงสุดไว้ก่อนพร้อมแรงม้าที่ตอนลงมาเหลือ 75hp อีกครั้ง
คราวนี้มั่นใจสุดๆ ครับกับ 75hp บนเขาแคบๆ ที่มีสภาพถนนเปียกปอนผมกลับขี่ได้ อย่างสนุกและมั่นใจและทำความเร็วได้แบบสมเหตุผล ลืมไปเลยว่าส้นเท้าขวาเหยียบท่อไอเสีย อยู่เป็นบางที แอบนึกในใจไม่ควรใส่รองเท้าผ้าใบอย่างยิ่งแนะนำเปลี่ยนท่อครับ ไม่ต้องเปลี่ยน รองเท้า ฮา ฮา
แล้วเราทุกคนก็กลับถึงที่พักโดยปลอดภัย
สิ่งที่อยากจะสรุปเกี่ยวกับ Ducati Monster 821 นั้นคือเค้าเป็นรถที่มีครบทุกอย่าง หากคุณมีงบประมาณมีรถได้คันเดียว มันทำได้ทุกอย่าง ขี่ในเมืองชิวๆ ไปเที่ยวไกลๆ หรือฝึก ซ้อมในสนามแข่งรถ เค้าทำได้หมด ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนท่านั่งปรับได้หลายแนวกับรถคันนี้ทำให้ ไม่เกิดอาการเบื่อง่ายและด้วยราคาที่เปิดมาสี่แสนกลางๆ พร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ชั้นเยี่ยมที่ให้ มาด้วยถือว่าจัดเต็มไม่มีกั๊กสำหรับของติดรถชั้นยอดจากโรงงาน
ที่สำคัญ ใครได้ไปเหมือนได้รถสองคันในร่างเดียว
ถ้าคุณอ่านบทความนี้ทุกบรรทัด คุณจะเข้าใจ!
