วัตสันเพิ่มขายออนไลน์
วัตสันมั่นใจเศรษฐกิจไทย เร่งขยายสาขาใหม่ 50 แห่ง พร้อมเพิ่มช่องทางออนไลน์
วัตสันมั่นใจเศรษฐกิจไทย เร่งขยายสาขาใหม่ 50 แห่ง พร้อมเพิ่มช่องทางออนไลน์
นายร็อด เร้าท์ลี่ย์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน ผู้บริหารร้านสุขภาพและความงามแบรนด์วัตสัน เปิดเผยว่า แม้ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจะยังไม่ ฟื้นตัว และจีดีพีของประเทศมีความผันผวน แต่บริษัทก็ยังมั่นใจว่าประเทศไทยยังมีภาพรวมเศรษฐกิจที่ดี เห็นได้จากยอดขายสินค้าภายในร้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายต่อบิลเติบโต 5-7%
ทั้งนี้ แนวโน้มที่ดีดังกล่าวบริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการขยายร้านวัตสันปีนี้เพิ่มอีก 50 สาขา ใช้งบลงทุนรวม 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่เปิดร้านใหม่ 40 สาขา ขณะนี้ได้ทยอยเปิดร้านใหม่ไปแล้ว 9 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการรวม 340 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนปรับปรุงร้านวัตสันสาขาเดิมที่มีศักยภาพให้มีขนาดใหญ่ และมีสินค้าที่ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้าเหมือนกับสาขาสยามสแควร์ ซึ่งเป็นสาขาที่ 333 โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจึงจะเริ่มปรับปรุงสาขาเก่าให้เป็นเหมือนสาขาสยามสแควร์ได้
“จำนวนสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ 60% จะเป็นการขยายสาขาในตลาดต่างจังหวัด โดยส่วนหนึ่งจะอยู่ในทำเลตะเข็บชายแดน เนื่องจากสามารถขยายฐานลูกค้าได้ไปถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และหลังจากบริษัทหันมาขยายสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีเพียง 14 จังหวัดเท่านั้น ที่ร้าน วัตสันยังไม่ได้เข้าไปเปิดให้บริการ”นายร็อด กล่าว
สำหรับแนวทางการทำตลาดในปีนี้ นอกจากจะทำกิจกรรมการตลาดในรูปแบบของการทำโปรโมชั่นทุกเดือน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้าแล้ว บริษัทยังได้ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านอีสโตร์ หรือการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าด้วย
นายร็อด กล่าวอีกว่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หากเป็นในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะคิดค่าส่งอยู่ที่ 70 บาท สินค้าส่งถึงมือลูกค้าภายใน 2 วัน ส่วนต่างจังหวัดคิดค่าส่งที่ 90 บาท สินค้าจะส่งถึงมือลูกค้าใน 4 วัน และหากซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท บริษัทส่งฟรี
“หลังจากเปิดให้บริการผ่านเว็บไซต์ของวัตสันเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะมีสินค้าที่จำหน่ายในอีสโตร์กว่า 1,000 รายการเท่านั้น”นายร็อด กล่าว
พร้อมกันนี้ จากการเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นและขยายช่องทางในการทำตลาดมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสินค้าภายมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ และคอสเมติก


