‘ฤทธิ์ คิ้วคชา’ สานต่อซาฟารีเวิลด์ยั่งยืน

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

ธุรกิจสวนสัตว์ เป็นอีกธุรกิจที่มีความท้าทายสูง นอกจากข้องเกี่ยวกับคน สภาพแวดล้อมแล้ว ยังต้องเกี่ยวพันกับสัตว์จำนวนมาก ซาฟารีเวิลด์ เป็นสวนสัตว์เอกชนในไทยที่มีอายุยืนยาวมาถึง 27 ปี และกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านให้คลื่นลูกใหม่เข้ามาสานต่อธุรกิจจากรุ่นบุกเบิก

ฤทธิ์ คิ้วคชา กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซาฟารีเวิลด์ เปิดเผยว่า ได้เริ่มมาดูแลธุรกิจซาฟารีเวิลด์เมื่อ 7 ปีก่อน แต่ดูแลจริงจังหลังน้ำท่วมปี 2555 ช่วงแรก ผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซาฟารีเวิลด์ ซึ่งเป็นบิดา วางกลยุทธ์ให้เข้ามาดูแลฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดูแลโครงการใหม่ๆ หาพันธมิตร โครงการแรกที่ทำ คือ โครงการขยายธุรกิจในจีน แต่ต้องพับแผนไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจีน จากนั้นได้ไปดูแลด้านการตลาด รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ซึ่งได้นำระบบไอทีมาใช้บริหารจัดการซาฟารีเวิลด์เกือบ 90% ของระบบการทำงานทั้งหมด

โครงการที่กำลังทำปัจจุบัน เน้นเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ค่าบัตรผ่านประตูให้เป็น 50% ของรายได้รวมซาฟารีเวิลด์ จากปัจจุบันมีรายได้ส่วนนี้อยู่ประมาณ 20-30% ซึ่งรายได้ที่ไม่ใช่ค่าบัตรผ่านประตูจะมาจากร้านอาหาร จำหน่ายของที่ระลึก และระบบถ่ายภาพ ซึ่งซาฟารีเวิลด์กำลังลงทุนสร้างภัตตาคารแห่งใหม่ รองรับได้ 4,000-5,000 คน เป็นอาคาร 2 ชั้น รวมทั้งกำลังสร้าง เมกา สโตร์ เซอร์วิเนีย ช็อป เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าที่ระลึกครบวงจรด้านหน้าทางเข้าซาฟารีเวิลด์ คาดว่าจะพร้อมเปิดบริการในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งทันฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) พอดี

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนที่จะลงทุน 10 ล้านบาท ทำ วัน สต็อป โฟโต้ เซอร์วิส นำเทคโนโลยีไร้สายติดตั้งตามจุดต่างๆ ในซาฟารีเวิลด์ เพื่อทำระบบที่บันทึกภาพผู้ใช้บริการได้ในจุดถ่ายรูปสำคัญๆ ในซาฟารีเวิลด์ ซึ่งมีมากกว่า 100 จุด ให้ผู้ใช้บริการไปรับภาพถ่ายได้ที่จุดประมวลผล แต่อาจไม่ใช่รูปแบบภาพถ่ายที่พิมพ์ใส่กระดาษ คาดเริ่มใช้ได้ในปีนี้ ทำให้ซาฟารีเวิลด์เป็นสวนสัตว์แห่งแรกในเอเชียที่ลงทุนเรื่องนี้ 

 

ไม่เพียงเท่านี้ ยังอยู่ในช่วงรีแบรนด์ซาฟารีเวิลด์ เพื่อสะท้อนว่าซาฟารีเวิลด์เป็นธีมพาร์กที่มีแนวคิดเกี่ยวกับสัตว์ ไม่ใช่แค่สวนสัตว์ เพราะภาพลักษณ์สวนสัตว์คือการมีสัตว์จัดแสดงและขังไว้ในกรง แต่ซาฟารีเวิลด์ไม่ได้ขังสัตว์ไว้ในกรง ผู้ใช้บริการมีโอกาสสัมผัสสัตว์ ป้อนนม อุ้มสัตว์ และมีส่วนร่วมเพาะพันธุ์สัตว์ได้

ปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้จากซาฟารีเวิลด์ รวมถึงบริษัทย่อย เช่น ภูเก็ตแฟนตาซี เพิ่ม 20% จากปีก่อนที่มีรายได้กว่า 1,700 ล้านบาท หากทำได้ตามเป้าก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่ดีสุดที่เคยทำได้ เพราะตัวเลขที่ดีที่สุดคือ ปี 2556 เคยมีรายได้แตะ 2,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ปีที่ผ่านมาพลาดเป้าถึง 30% จากที่ตั้งใจว่ารายได้จะโต 20% ปรากฏว่า รายได้ต่ำกว่าปีก่อนหน้ากว่า 10% ขณะที่ปีหน้าคงต้องกลับมาลุ้นใหม่ว่าจะดันรายได้กลับไปถึงจุดสูงสุดได้หรือไม่

ฤทธิ์ กล่าวว่า ช่วงที่เข้ามาดูแลซาฟารีเวิลด์ ช่วงนั้นซาฟารีเวิลด์เข้าสู่ปีที่ 25 ถือเป็นสวนสัตว์เอกชนที่อยู่ได้ยาวนานเมื่อเทียบกับสวนสัตว์เอกชนทั่วโลกที่ส่วนใหญ่เข้าสู่ภาวะไปไม่รอดแล้ว เหลือเพียงสวนสัตว์ภาครัฐ ดังนั้นสิ่งที่หวังไว้หลังจากดูแลธุรกิจนี้ คือ ทำอย่างไรให้ซาฟารีเวิลด์ยังอยู่ต่อไปอย่างน้อย 25 ปี เพราะหากซาฟารีเวิลด์ไม่มี คงไม่มีพื้นที่ไหนในเมืองหลวงที่สร้างสวนสัตว์เอกชนขนาดใหญ่เท่านี้ได้แล้ว จึงต้องให้ความสำคัญวางรากฐานซาฟารีเวิลด์ให้มั่นคง

ฤทธิ์ คิ้วคชา

 

“เมื่อเข้ามาดูแลธุรกิจ สิ่งแรกที่ทำคือเรียนรู้ เพราะคุณพ่อบอกตั้งแต่วันแรกที่จะเข้ามาว่า ทั้งหมดที่เรียนมาโยนทิ้งได้เลย เพราะมาที่นี่ใช้ไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังต้องเรียนรู้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีรายละเอียดมาก ไม่มีโรงเรียนไหนที่เปิดสอนเรื่องการบริหารสวนสัตว์ ต่างจากธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังมีโรงเรียนเปิดสอน ทุกวันนี้อาจจะเรียนรู้ธุรกิจได้แค่ 50% เท่านั้น แต่ถือเป็นโชคดีที่ตั้งแต่เด็กอยู่ใกล้ชิดคุณพ่อ มองเห็นที่คุณพ่อต้องต่อสู้ทางธุรกิจมาตลอดกับปัญหาที่เข้ามา ดังนั้นอาจไม่ยากเหมือนคนรุ่นใหม่บางคนที่ไม่เคยได้เรียนรู้ธุรกิจมาก่อนเข้าไปดูแล” ฤทธิ์ กล่าว

สิ่งท้าทายของธุรกิจนี้ คือ นอกจากดูแลลูกค้า ลูกน้อง อีกสิ่งที่ต้องดูแล คือ สัตว์ ซึ่งมีรายละเอียดการดูแลมาก และค่าใช้จ่ายการดูแลสูง ทุกวันนี้ซาฟารีเวิลด์อาจทำกำไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ความสำเร็จคือสร้างความสุขให้นักท่องเที่ยวและสัตว์ในซาฟารีเวิลด์ ส่วนอนาคตต้องทำรายได้ให้โต เพื่อให้เพียงพอดูแลสัตว์ ซึ่งมีเกิดใหม่ทุกวัน รวมทั้งรองรับการลงทุนวิจัยขยายพันธุ์สัตว์ เพื่อความยั่งยืนของซาฟารีเวิลด์ระยะยาว เพราะในซาฟารีเวิลด์มีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด นับวันยิ่งหายากขึ้น หากขยายพันธุ์ได้จะสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ฤทธิ์ กล่าวว่า คุณพ่อสอนเสมอว่า การบริหารธุรกิจคือการบริหารคน เพราะเราไม่ใช่คนที่ออกไปขายของ ออกไปให้บริการนักท่องเที่ยวเอง ต้องอาศัยพนักงานซาฟารีเวิลด์ที่มีกว่า 1,000 คน ไม่ว่าจะสร้างสถานที่ดีแค่ไหน สุดท้ายธุรกิจจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับรอยยิ้ม สีหน้าพนักงานที่ถ่ายทอดความรู้สึกกับลูกค้า หากบริหารคนได้ดี อย่างอื่นก็เรียนรู้ได้ไม่ยาก

สิ่งที่พยายามให้แนวทางพนักงานทุกวันนี้ คือ เราต้องสร้างลูกค้าไม่ใช่ขาย หมายความว่าอย่ามัวให้ความสำคัญแต่ตัวเลขรายได้ แต่ต้องได้ใจลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด สร้างความสุขและรอยยิ้มให้ลูกค้า แล้วยอดขายจะตามมาเอง